การเกษียณอายุ มักนำพามาซึ่งโอกาสในการได้ค้นหาความสนใจและงานอดิเรกใหม่ๆ และสำหรับหลายคน นั่นหมายรวมถึง การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย อยู่กับธรรมชาติ ทำการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการทำเกษตรเพื่อการดำรงชีพ การดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก หรือเพียงแค่งานอดิเรก การซื้อที่ดินเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเกษตรสามารถนำมาซึ่งความพึงพอใจและความภาคภูมิใจ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะลงมือทำ คุณจำเป็นต้องศึกษา วางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะเกษียณจริง เพราะการเกษตรเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยระยะเวลา ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญหลายประการเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านราบรื่นและประสบความสำเร็จในระยะยาว บทความนี้บ้านไฟน์เดอร์พาคุณมาดูสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อ คุณเริ่มมองหา ซื้อที่ดิน ทำการเกษตรสำหรับวัยเกษียณ
1. ที่ตั้ง ทำเล ที่ตรงความต้องการ
ที่ตั้งของที่ดินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อที่ดินเพื่อการเกษตร เช่น ภูมิอากาศ คุณภาพดิน แหล่งน้ำ ควรได้รับการประเมินอย่างละเอียดรอบคอบ
ภูมิอากาศ: พืชและสัตว์เลี้ยงแต่ละชนิดมีความต้องการด้านสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกัน คุณควรพิจารณาอุณหภูมิเฉลี่ย ปริมาณน้ำฝน และฤดูกาลเพาะปลูกในพื้นที่ที่คุณสนใจ
คุณภาพดิน: ดินที่อุดมสมบูรณ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเกษตรที่ประสบความสำเร็จ คุณควรทำการทดสอบดิน เพื่อประเมินระดับธาตุอาหาร ระบบระบายน้ำ และสมดุลความเป็นกรดด่าง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยแนะนำคุณในการเลือกพืชที่เหมาะสม และระบุสิ่งที่จำเป็นต้องปรับปรุงดินหรือระบบชลประทาน
แหล่งน้ำ: การเข้าถึงแหล่งน้ำ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้น้ำปลูกพื้ชและการเลี้ยงสัตว์ รวมถึงการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน คุณควรศึกษาว่ามีแหล่งน้ำในบริเวณที่ดิน หรือ ใกล้ๆ ที่ดินหรือไม่ อาจจะเป็นน้ำบาดาล หรือระบบน้ำประปา ก็ได้
เข้าถึงได้: ถึงแม้ว่าคุณจะอยากอยู่ใกล้ธรรมชาติมากเท่าไร แต่ถ้าต้องขับรถไกล 50 นาทีเพื่อซื้อกับข้าว หรือ หาหมอ ก็คงจะไม่ใช่เรื่องสนุก ดังนั้น พิจารณาตำแหน่งที่ดิน ว่าใกล้ตลาด หรือ แหล่งชุมชน มากน้อยแค่ไหน รวมถึง ระยะทางไปยังโรงพยาบาล ก็เป็นสิ่งที่สำคัญในการพิจารณาเช่นกัน
ขนาดที่ดิน: ขนาดที่ดินที่เหมาะสม และคิดว่าเพียงพอสำหรับเป้าหมายในการทำเกษตรในช่วงวัยเกษียณของคุณ
2. โฉนดที่ดิน แบบไหน
ก่อนจะซื้อที่ดิน คุณควรรู้ว่าที่ดินที่จะซื้อเป็นโฉนดแบบไหน ต้องถามคนขายก่อนซื้อเสมอว่า โฉนดที่ดินเป็นแบบไหน และขอดูโฉนดที่ดินก่อนเสมอ ด้วย สำหรับที่ดินนั้น มีโฉนดที่มีสิทธิในการขายได้อยู่คือ
โฉนดที่ดิน นส.4 (ครุฑแดง) คือ โฉนดที่ดินแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ผู้ครอบครองมีกรรมสิทธิ์เต็มที่ในการใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย โฉนดที่ดิน นส.4 จึงเป็นโฉนดที่ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่ามีหลักเขตชัดเจน
หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 น.ส.3 ก. และ น.ส.3 ข) ถือเป็น หนังสือรับรองจากพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าได้ทำประโยชน์ในที่ดินแล้ว แต่ขนาดของพื้นที่ดินอาจลดลงหรือมากขึ้นได้ เนื่องจากไม่มีการวัดตำแหน่งที่ชัดเจน ภายหลังผู้ที่ซื้อ น.ส.3 น.ส.3 ก. และ น.ส.3 ข ไป ก็สามารถขอกรมที่ดินเพื่อออกโฉนดที่ดินได้เช่นกัน
มีผู้บุกรุกหรือไม่: อีกหนึ่งประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการขายที่ดิน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด นั่นคือ การบุกรุกที่ดิน ครอบครองปรปักษ์ หากที่ดินที่จะขาย ไม่มีการสร้างรั้วรอบ อาจทำให้มีปัญหาในการบุกรุก และต้องฟ้องร้องก่อน เป็นปัญหาวุ่นวานทีเดียว ดังนั้น ผู้ซื้อควรสำรวจพื้นที่ก่อนจะซื้อด้วยเพื่อไม่ให้มีปัญหาในภายหลัง
3. มีสาธารณูปโภค น้ำ ไฟ เข้าถึงไหม
โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีอยู่ในที่ดิน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งหรือปรับปรุงสิ่งเหล่านี้ เช่น
ระบบน้ำ: ตรวจสอบว่าที่ดินมีแหล่งน้ำหรือไม่ เช่น บ่อน้ำบาดาล บึง หรือท่อประปาสาธารณะ หากไม่มี คุณควรพิจารณาต้นทุนในการติดตั้ง เดินเรื่องขอระบบน้ำจากการประปาไว้ด้วย
ระบบไฟฟ้าและการสื่อสาร: ประเมินการเข้าถึงบริการไฟฟ้าและการสื่อสารภายในที่ดิน นอกจากเสาไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการต่อไฟฟ้าเข้าไปยังที่ดินที่จะซื้อแล้ว ก็ยังต้องดูระบบสัญญาณการสื่อสารด้วยว่ามีคลื่นโทรศัพท์ คลื่นอินเตอร์เน็ตที่ดีหรือเปล่า เพื่อใช้ในการสื่อสารสมัยนี้ด้วย
อาคารและสิ่งปลูกสร้าง: ถ้าที่ดินที่ต้องการซื้อมาพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เช่น บ้าน โรงพักคนงาน หรืออาคารเก็บของ เพื่อดูว่ามีความเหมาะสมต่อการใช้งานที่คุณตั้งใจหรือไม่ ประมาณการค่าใช้จ่ายในการ ซ่อมแซมหรือก่อสร้างใหม่
ถนนทางเข้า: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่ดินมีถนนเข้าออกที่เพียงพอสำหรับรถใหญ่ที่จะเข้ามาปรับปรุงพื้นที่ได้หรือไม่ หากไม่มี ให้คำนวณค่าใช้จ่ายในการสร้างหรือปรับปรุงถนนที่เหมาะสม
ที่ดินไม่ควรเป็นที่ดินตาบอด คือเป็นไม่มีถนนสาธารณะเลย และควรพิจารณาระยะทางจากที่ดินไปยังตลาด ผู้จัดจำหน่าย และเส้นทางคมนาคม การเข้าถึงแหล่งต่างๆ เหล่านี้ได้สะดวกสามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อความคุ้มค่าและความสะดวกสบายของกิจกรรมทางการเกษตรของคุณ
4. ราคา
สุดท้ายการซื้อที่ดินทำเกษตรในยามเกษียณ ต้องลงทุนเงินเป็นจำนวนหนึ่ง ดังนั้นคุณควรกำหนดงบซื้อที่ดินที่คุณมีด้วย
ราคาซื้อ: ศึกษาข้อมูลราคาตลาดปัจจุบันของที่ดินเพื่อการเกษตรในพื้นที่ที่คุณสนใจ พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดพื้นที่ ที่ตั้ง และโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เมื่อเจรจาต่อรองราคา
ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน: นอกจากราคาของที่ดินแล้ว คุณต้องคำนวณราคาสิ่งที่คุณต้องการในที่ดิน เช่น การปลูกบ้าน การใช้น้ำประปา ต่อไฟฟ้า หรือ ล้อมรั้วให้ที่ดิน เป็นต้น เหล่านี้ล้วนเป็นต้นทุนที่ควรพิจารณาก่อนซื้อด้วยเช่นกัน
รายได้ที่คาดว่าจะได้รับ: ประเมินรายได้ที่อาจเกิดขึ้นจากกิจกรรมทางการเกษตรของคุณ ไม่ว่าจะเป็นจากการขายผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากการเลี้ยงสัตว์ การท่องเที่ยวเชิงเกษตร หรือผลิตภัณฑ์แปรรูปเพิ่มมูลค่า
บทสรุป
สุดท้ายนี้ การซื้อที่ดินเพื่อทำเกษตรในวัยเกษียณ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบการใช้ชีวิตเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การวางแผน เตรียมความพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ สำคัญมาก นอกจากเรื่อง การหาซื้อที่ดินแล้ว ก็ต้องเตรียมความพร้อมทั้งทางกายและทางจิตใจด้วยเช่นกัน เพราะการทำเกษตรอาจไม่ใช่เรื่องง่าย การปลูกต้นไม้ หรือปลูกพืชผลก็อาจจะใช้เวลาเป็นปีๆ และควรหาที่ดินที่คุณคิดว่าเหมาะสมและสะดวกในการเดินทาง เพราะต้องเข้าดูแลบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน