นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีนว่า ทราบอย่างไม่เป็นทางการว่าทางจีนจะยอมตกลงผ่านทางนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้จาก 2.5% อยู่ที่ 2% ทั้งนี้ทางนายสมคิดมอบหมายให้ทางนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้พิจารณาถึงแหล่งเงินและรูปแบบการลงทุนโครงการ
ขณะที่กระทรวงคมนาคมจะพิจารณาเรื่องต้นทุนและมูลค่าโครงการ ล่าสุดอยู่ระหว่างตรวจสอบแบบรายละเอียดที่จีนส่งมอบให้ คาดว่าอีก 1 เดือนจะสรุปก่อนที่จะประชุมคณะกรรมการร่วมครั้งที่ 10 ณ ปักกิ่ง ประเทศจีนช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้
สำหรับรูปแบบการลงทุนจะเจรจากับทางจีนให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุนมากขึ้น และครอบคลุมทั้งโครงการตั้งแต่การก่อสร้างจนถึงการเดินรถ เพื่อร่วมรับภาระความเสี่ยงของโครงการ ซึ่งสัดส่วนการลงทุนปัจจุบันทางจีนตกลงจะร่วมลงทุนกับไทยตั้งบริษัทบริหารจัดการเดินรถในสัดส่วน 40% แต่ทางไทยจะเจรจาขอให้จีนเพิ่มสัดส่วนการลงทุนทั้งก่อสร้างและเดินรถเป็น 70%
"การก่อสร้างตอนนี้ยังคงกำหนดเดิมภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ในช่วงแรกเริ่มจากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-โคราช แต่จะต้องได้ข้อยุติทั้งหมด เช่น มูลค่าการลงทุน สัดส่วนเงินกู้ ดอกเบี้ย การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอ"
นายอาคมกล่าวอีกว่า สำหรับรถไฟไทย-ญี่ปุ่น ในวันที่ 27 มกราคมนี้ จะทดสอบการเดินรถขนส่งสินค้าขนาด 12 ฟุต จำนวน 3 ตู้ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองปลาดุก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่เป็นความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น เส้นทางกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว-แหลมฉบัง ที่จะเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าและผู้โดยสารแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกและตะวันตกด้านใต้
"กลางปีคาดว่ารูปแบบการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนไทย-จีนจะชัดเจน แนวโน้มจะให้เป็นรูปแบบเอกชนมากที่สุดเพื่อความคล่องตัว จากนั้นจะได้เปิดเดินรถอย่างเต็มรูปแบบ เพราะเป็นการปรับปรุงเส้นทางเก่าให้แข็งแรง จึงไม่ต้องใช้เวลาดำเนินการมาก เบื้องต้นเดินรถขนส่งสินค้ารองรับอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีในแนวเส้นทาง ระยะต่อไปจะเป็นการเดินรถตู้โดยสาร และระยะถัดไปจะเป็นการก่อสร้างทางคู่พร้อมยกระดับรถเป็นระบบไฟฟ้าในอนาคต" นายอาคมกล่าว
ข้อมูลจาก:prachachat.net