สำหรับการซื้อขายคอนโด หรือบ้านมือสองที่อยู่ในโครงการคอนโด หรือหมู่บ้านจัดสรร ที่มีการจัดตั้งนิติบุคคลตามกฎหมาย และมีการจัดเก็บค่าส่วนกลางในการทะนุบำรุงพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เช่น ค่า รปภ. ค่าดูแลสวน ฟิตเนส สระว่ายน้ำ ค่าบริหารจัดการ ฯลฯ หลายคนอาจหลงลืมเอกสารสำคัญ ที่เจ้าหน้าที่กรมที่ดินต้องขอเรียกดูในการโอนกรรมสิทธิ์ เปลี่ยนมือ บ้านและคอนโด นั่นก็คือ "ใบปลอดหนี้" สิ่งนี้คืออะไร และสำคัญอย่างไร มาดูกันเลย
ใบปลอดหนี้คืออะไร
ใบปลอดหนี้ คือ เอกสารที่รองรับโดยผู้จัดการนิติบุคคลของโครงการที่ทรัพย์ตั้งอยู่ เพื่อระบุว่า เจ้าของห้องชุด หรือ เจ้าของบ้าน ไม่มีหนี้ค้างจ่ายค่าส่วนกลางกับโครงการ หากไม่มีใบปลอดหนี้ (หรือ เจ้าของค้างจ่ายค่าส่วนกลาง) ก็ส่งผลให้เจ้าของไม่สามารถโอนขาย คอนโด หรือ บ้านในโครงการได้นั่นเอง
ดังนั้น เจ้าของคอนโดทุกคอนโด จำเป็นต้องมีใบปลอดหนี้ก่อนโอนขาย แต่กรณี บ้านที่อยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีนิติบุคคล ไม่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารใบปลอดหนี้ในการซื้อขาย
ใครต้องเป็นคนขอใบปลอดหนี้
เจ้าของห้องชุด หรือ เจ้าของบ้าน (ผู้ขาย) ต้องเป็นคนดำเนินการขอใบปลอดหนี้จากทางฝ่ายนิติบุคคลของโครงการ โดยหลังจากจัดการค่าใช้จ่ายที่ค้างชำระไว้ (ถ้ามี) ทางนิติบุคคลก็จะใช้เวลาในการออกใบปลอดหนี้ 7-15 วันทำการ ผู้ขายควรเผื่อเวลายื่นเรื่องดำเนินการขอใบปลอดหนี้ ก่อนนัดโอนที่กรมที่ดิน
และใบปลอดหนี้ก็มีวันหมดอายุด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ที่ 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ออกรับรอง ทั้งนี้ ผู้ขายควรสอบถามกับสำนักงานนิติบุคคลของโครงการถึงระยะเวลาดำเนินการอีกครั้ง เพราะแต่ละโครงการอาจมีระเบียบแตกต่างกัน
เอกสารสำหรับขอใบปลอดหนี้
- สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน ของผู้ขาย
- สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน ของผู้ซื้อ
- สำเนาโฉนดหน้า-หลัง
- สัญญาซื้อขาย
- ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
- กรณีเจ้าของมอบอำนาจ ต้องเซ็นใบมอบอำนาจและสำเนาบัตรผู้รับมอบอำนาจเพิ่มเติม
สรุปใบปลอดหนี้ กับการซื้อขายคอนโด บ้าน ในโครงการ
ใบปลอดหนี้ มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งกฎหมายออกมาก็เพื่อให้เจ้าของห้องชุด หรือเจ้าของบ้านในโครงการ ที่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ตระหนักว่า การไม่จ่ายค่าส่วนกลางจะส่งผลต่อการใช้บริการส่วนกลาง และขายต่อในอนาคตได้
ดังนั้น ผู้ขายควรที่จะเตรียมเอกสารใบปลอดหนี้ไว้ เพื่อแสดงว่าเราสามารถขายได้จริง และส่วนฐานะผู้ซื้อ คอนโดมือสอง หรือบ้านมือสองในโครงการ ก่อนที่จะซื้อหรือวางมัดจำ ควรสอบถามเรื่องการจ่ายค่าส่วนกลาง หรือหนี้ค้างจ่ายต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ของผู้ขายด้วย เพราะหากวางมัดจำและไปถึงกรมที่ดินแล้ว ไม่มีเอกสารตัวนี้ ก็อาจเสียเวลาเพราะไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้นั่นเอง