มาตรการรัฐหนุนรายได้อสังหาฯพุ่ง

แชร์บทความนี้

ศุภาลัยฯ เผยรายได้รวมไตรมาสแรก 6,130.74 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสแรกปีก่อนหน้า 1,211.19 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 25% ส่วนกำไร 493.51 เติบโต 55% จากไตรมาสแรกของ ปีก่อน ด้านโนเบิลฯ แจงไตรมาสแรกขาดทุน 137.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก Q1/58 กว่า 33.82% เหตุไม่มีการเปิดขาย และรับรู้รายได้จากโครงการใหม่ LPN รายได้รวม 4,424.06 ล้านบาท โต 102.7% และมีกำไรสุทธิ 704.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากไตรมาส 1/2558 กว่า 141.12% หลังคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ รักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 30% สำเร็จ

นางวารุณี ลภิธนานุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ Spali กล่าวถึงผลการดำเนินงานของไตรมาส 1/2559 ว่า ในไตรมาสนี้บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 6,130.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียว กันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีรายได้ 5,030.6 ล้านบาท 1,211.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% โดยเกิดจากการโอนกรรมสิทธิ์อาคารชุด 51% ซึ่งมาจากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการอาคารชุด 2 โครงการ ส่วนที่เหลือ 49% มาจากการโอนกรรมสิทธิ์บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์

ขณะที่กำไรสุทธิ์ในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 1,396.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 493.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 55% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ ส่งผลให้มียอดโอนเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นด้วย

ด้านนายสิทธิ์ ลีละเกษมฤกษ์ กรรมการบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทมีผลการดำเนินงานรวมขาดทุน 137.90 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ผลขาดทุนรวมที่ 104.18 ล้านบาท หรือมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น 33.82% โดยสาเหตุหลักเกิดจากในปีไตรมาสนี้บริษัทไม่ได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่ทำให้ไม่มียอดรับรู้จากโครงการใหม่เข้ามา ขณะที่บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายด้านการขาย และการบริหารงานที่เพิ่มสูงขึ้น โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวในไตรมาสนี้อยู่ที่ 148.79 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า ซึ่งมีค่าใช้จ่าย 143.35 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทจะมีการโอนห้องชุดในโครงการเก่าที่จะมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้เข้ามาในช่วงครึ่งหลัง ของปี โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทมีแบ็กล็อกรอรับรู้รายได้ในมือ 21,000 ล้านบาท ซึ่งเป็น ยอดขายจากโครงการโนเบิล เพลินจิต ซึ่งจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และทยอยรับรู้ในปีนี้

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า ในไตรมาส 1 ปี 2559 บริษัท และบริษัทย่อยมีรายได้รวม 4,424.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,241.57 ล้านบาท จากไตรมาส 1 ปี 2558 หรือเพิ่มขึ้น 102.71% โดยรายได้หลักมาจากรายได้จากโครงการเพื่อขาย 90% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2,036.47 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 4,252.02 ล้านบาทในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้น 2,215.55 ล้านบาท คิดเป็น 108.79%

สำหรับผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 412.15 ล้านบาท จาก 292.06 เป็น 704.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น141.12% จากการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับ 30% ของรายได้ พร้อมทั้งดูแลค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 13.38% ในไตรมาส 1 ปี 2558 เป็น 15.92%

โดยในไตรมาสนี้ บริษัทมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และส่งมอบ จำนวน 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 4 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น ประมาณ 10,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการลุมพินีพาร์ค นวมินทร์-ศรีบูรพา โครงการลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้าสุวรรณภูมิ โครงการลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต คลอง 1 เฟส 2 โครงการเดอะ ลุมพินี 24 และโครงการลุมพินี พาร์คบีชชะอำ ซึ่งทั้ง 5 โครงการบริษัทจะทยอยส่งมอบ และรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 และ 2 ของปีนี้


ลุมพินี คอนโดทาวน์ ร่มเกล้า-สุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ ในไตรมาสแรก แอล.พี.เอ็น.ฯ ได้ต่อยอดนวัตกรรมการพักอาศัยแบรนด์ "ลุมพินี" ด้วยกลยุทธ์ "ชุมชนน่าอยู่สำหรับคนทุกวัย" ต่อจากกลยุทธ์ "ชุมชนน่าอยู่" มาพัฒนาโครงการแรกที่ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก มูลค่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวเป็นทางการเมื่อปลายเดือนมกราคม และคาดว่าจะส่งมอบในไตรมาส 2 ปี 2560


ลุมพินี วิลล์ ราชพฤกษ์-บางแวก

"ช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี 2559 บริษัท และบริษัทย่อยจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบอีก 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,750 ล้านบาท และแผนมีเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 15 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 18,120 ล้านบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2559 แอล.พี.เอ็น.ฯ มี Backlog หรือห้องชุดรอรับรู้รายได้รวม 9,500 ล้านบาท โยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559 จำนวน 8,700 ล้านบาท และยกไปรับรู้รายได้ในปี 2560 จำนวน 800 ล้านบาท"

ที่มา : ผู้จัดการรายวัน 360 องศา

แชร์บทความนี้
本文中提到的项目

The Lumpini 24

起始价格: 4,128,000 铢

Lumpini Park Beach Cha-Am

起始价格: 1,940,000 铢

热门文章


文章

เตรียมบ้านให้พร้อมและปลอดภัย ในช่วงวันหยุดยาว

ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว หรืออาจกลับบ้านไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ที่ต่างจัง ... 继续阅读......

5 ทริคแต่งบ้านสวยด้วยสไตล์รีสอร์ท ให้บรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่

ส่วนมากแล้วคนเรา มักจะอยากได้บ้านที่มีความสวยงาม ร่มรื่น เงียบสงบ มีมุมสวย ๆ เอาไว้นั่งทอดน่องในช่วง ... 继续阅读......

6 กลยุทย์การตลาดอสังหาฯ เพื่อเพิ่มยอดขายและมีลูกค้า Walk-in

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภททั้งบ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ต่าง ๆ มีการแข่งขันกันสูงมากในย ... 继续阅读......

วิธีคลายร้อนให้บ้าน ช่วงหน้าร้อนนี้

อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อย่างก้าวเข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปีของประเทศไท ... 继续阅读......

เช่าคอนโดครั้งแรก คำแนะนำ สำหรับผู้เช่ามือใหม่

การ เช่าคอนโด เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายแต่ไม ... 继续阅读......