ช่วงนี้ฝนตกหนักบ่อยๆ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เรามาดูวิธีเตรียมพร้อมและรับมือกับน้ำท่วม เพื่อรักษาชีวิตให้ปลอดภัย เมื่อน้ำท่วมกัน 

วางแผนรับมือน้ำท่วม 

ในสถานการณ์ฉุกเฉิน การมีสติและปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณและครอบครัวปลอดภัยได้ โดยเราควรวางแผนรับมือเหตุการณ์ก่อนเกิดน้ำท่วม

1. ประเมินความเสี่ยงของตำแหน่งบ้าน 

ถ้าคุณเพิ่งย้ายมาอยู่ในพื้นที่ใหม่ คุณอาจค้นหาข้อมูล สอบถามเพื่อนบ้าน ว่ามีประวัติน้ำท่วมอย่างไรบ้าง เพื่อที่จะได้ทราบเบื้องต้นว่าความเสี่ยงของตำแหน่งบ้านที่อยู่ มีโอกาสที่จะน้ำท่วมสูงมากน้อยแค่ไหนจากข้อมูลในอดีต หรือถ้าพื้นบ้านต่ำกว่าพื้นถนน โอกาสที่น้ำจากถนนที่ระบายไม่ทัน จะไหลเข้าบ้านก็ย่อมมีมากขึ้นด้วย ซึ่งคุณอาจต้องลงทุนยกพื้นบ้านให้สูงขึ้น  

2. ศึกษาและหาเส้นทางอพยพ 

เมื่อทราบถึงความเสี่ยงแล้ว เราต้องรู้จักทางหนีทีไล่ ดูว่าพื้นที่ที่เราอยู่ หากเกิดน้ำท่วมสามารถใช้เส้นทางไหนในการหลบหลีกหรืออพยพไปได้บ้าง และเตรียมพร้อมสถานที่ ที่สามารถไปอยู่อาศัยชั่วคราวได้ กรณีที่น้ำท่วมบ้านจนไม่สามารถในบ้านอยู่ได้ เช่น บ้านเพื่อน บ้านพ่อแม่ เป็นต้น 

3. ให้ความรู้คนในครอบครัว 

เมื่อเกิดสภานการณ์ฉุกเฉิน แต่ละบ้านควรสอนให้เด็กๆ และคนในบ้านเข้าใจตรงกันถึงขั้นตอนและวิธีปฏิบัติเมื่อภัยมา อย่างน้อยควรมีเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินเขียนแสดงเอาไว้ในบ้าน สอนเด็กๆ ให้ใช้โทรศัพท์ หรือสอนสิ่งที่ควรทำ หากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

เบอร์สายด่วน

• 1784 รับแจ้งเหตุน้ำท่วม ตลอด 24 ชั่วโมง ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)
• 1669 บริการด้านการแพทย์ฉุกเฉิน นำส่งโรงพยาบาล กู้ชีพ  24 ชม. ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ) 
• 1182 สายด่วน ตรวจสอบสภาพอากาศ ของกรมอุตุนิยมวิทยา

4. เตรียมเสบียงและของใช้ให้พร้อม 

เตรียมอาหารแห้ง และ สำหรับอย่างน้อย 3-7 วัน โดยการเตรียมน้ำดื่มให้เพียงพอ นั่นคือน้ำประมาณ 3.7 ลิตร (1 แกลลอน) ต่อคนต่อวัน สำหรับอาหารเตรียมอาหารที่อยู่ได้นาน และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพิ่มเติมในการปรุงอาหาร เช่น อาหารกระป๋อง  

นอกจากอาหารและน้ำ เราควรเตรียมยาสามัญประจำบ้าน รวมถึงเครื่องมืออื่นๆ ด้วย เช่น ที่เปิดกระป๋อง เครื่องใช้ส่วนตัว ไฟฉาย รองเท้าบูทลุยน้ำ ถุงมือยาง แบตเตอรี่สำรอง เสปรย์กันยุง ฯลฯ

เตรียมตัวรับมือก่อนน้ำเริ่มท่วม 

5. มัดของที่อาจลอยตามน้ำได้ 

เมื่อสังเกตน้ำเริ่มท่วม ถ้าบริเวณรอบบ้านของเรา มีเก้าอี้ โต๊ะ กรง หรือสิ่งของอื่นๆ ที่พร้อมลอยออกจากบ้านไปตามน้ำได้ เราควรหาเชือกอะไรมาผูกเอาไว้กับต้นไม้ หรือเก็บเข้าบ้าน เพื่อไม่ให้สิ่งของลอยหลุดไปจากบ้าน 

6. ขนย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าให้อยู่ที่สูง 

เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่ อาจได้รับความเสียหายหากโดนน้ำและอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น ก่อนที่น้ำจะท่วมเข้ามาภายในตัวบ้าน เราควรขนย้าย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นยกเอาไว้ให้อยู่ที่สูง เพื่อไม่ให้น้ำท่วมโดนจนเสียหาย แนะนำว่าไม่ควรยกของหนักมากๆ ด้วยตัวเอง ถ้าเป็นไปได้เรียกใช้บริการขนย้ายของดีกว่า  

7. เก็บและทำสำเนาเอกสารมีค่าเอาไว้ 

เก็บเอกสารสำคัญๆ และทำสำเนาเอาไว้ เช่น เอกสารประกัน โฉนดที่ดิน และเอกสารสำคัญอื่นๆ เอาไว้ในที่ๆ ปลอดภัย เช่นในตู้เซฟกันน้ำ 

8. ติดตามข่าวสารน้ำท่วม 

คอยติดตามข่าวน้ำท่วมอย่างใกล้ชิด และแจ้งให้คนรอบตัวให้ทราบ เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม 

เมื่อน้ำท่วมเข้าบ้าน

9. ปลอดภัยไว้ก่อน เมื่อน้ำท่วม  

• หากคุณอพยพออกจากบ้าน ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัดไฟฟ้าภายในบ้านเรียบร้อยแล้วก่อนออกจากบ้าน

• ถ้าบ้าน 2 ชั้นขึ้นไป และมีสวิตซ์เบรกเกอร์แยกแต่ละชั้น ให้คุณดึงเบรกเกอร์ไฟฟ้าลง เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าของชั้นที่น้ำท่วมถึง (ส่วนใหญ่ก็คือชั้นล่าง)  

• สำหรับบ้านชั้นเดียว งดใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด  ห้ามเปิดปิดสวิตซ์ไฟใดๆ โดยเฉพาะเมื่อตัวเปียกหรือยืนแช่น้ำ รวมถึงห้ามใช้ปลั๊กไฟที่น้ำท่วมถึงเด็ดขาด 

• เพื่อความปลอดภัย ไม่ออกจากบ้านไปลุยน้ำ หากไม่จำเป็น และห้ามไม่ให้เด็กๆ เล่นน้ำ หากจำเป็น ต้องสวมใส่รองเท้าบู๊ททุกครั้ง และอยู่ให้ห่างจากเสาไฟฟ้า อย่างน้อย 2-3 เมตร  หากพบเห็นสายไฟฟ้าขาด เสาไฟฟ้าล่ม โทรแจ้งการไฟฟ้าในพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจัดการ
• การไฟฟ้านครหลวง (กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ) โทร 1130
• การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (จังหวัดอื่นๆ) โทร.1129 

• หากห้องครัวใช้เตาแก๊สและอยู่ชั้นล่างของบ้านที่น้ำท่วมถึง ให้ปิดเตาแก๊สให้สนิทด้วยเช่นกัน