บ้านเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีมูลค่ามากที่สุดของคนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์เฮ้าส์ ทุกการตัดสินใจในการแต่งบ้านจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงามอย่างเดียว แต่ต้องคำนึงเรื่องของการเงินด้วย เมื่อคุณขายบ้านต่อ การออกแบบและแต่งบ้านที่ดี จะช่วยเพิ่มมูลค่า และสร้างความโดดเด่นให้บ้านของคุณมากขึ้นด้วย 

บ้านไฟน์เดอร์ รวบรวมเอา 9 คำแนะนำจากนักออกแบบภายในเพื่อเพิ่มมูลค่าให้บ้านมือสอง มีอะไรบ้าง มาดูเลย

1. ทำให้บ้านรู้สึกใหญ่กว้างกว่าพื้นที่จริง

ความสมส่วน คือกุญแจสำคัญในการออกแบบ เฟอร์นิเจอร์ที่ดูใหญ่เกินไป ทำให้ห้องดูแคบและเล็ก และปัญหานี้แก้ได้ยาก ถ้าหากว่าคุณดันซื้อเฟอร์นิเจอร์มาแล้ว ดังนั้น จึงสำคัญมากๆ ที่คุณจะวัดขนาดของห้องให้ละเอียด ก่อนที่จะซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาตกแต่ง โดยคำนึงถึงพื้นที่บวกกับทางเดินรอบๆ เฟอร์นิเจอร์นั้นด้วย 

ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ช่วยทำให้ห้องดูกว้างกว่าขนาดจริง เพิ่มเพิ่มมูลค่าให้บ้านของคุณ อีกทั้งยังทำให้บ้านดูโดดเด่น น่าอยู่ สำหรับผู้สนใจซื้อที่มาดูด้วย

2. ไม่จำเป็นต้องทำใหม่ทั้งหมด

เสน่ห์ของบ้านเก่าบางส่วนก็คุ้มค่าที่จะเก็บรักษา และใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าบ้าน อย่ากลัวที่จะโชว์ผนังอิฐเก่าที่แข็งแรงทนทานตั้งแต่รุ่นคุณปู่ หรือรักษาคุณค่าของไม้เก่า เอามาทาสีจัดวางใหม่ เพราะเมื่อเจอผู้ซื้อที่ชื่นชอบบ้านที่มีสไตล์เอกลักษณ์ แตกต่าง ก็อาจให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าด้วย   

3. ใส่ walk-in closet ในห้องนอนใหญ่ 

Walk-in closet จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้บ้านไหนๆ ก็ดูมีราคามากขึ้นได้ เพราะเป็นฟีเจอร์หรูหราที่ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกว้าว! หากว่าบ้านของคุณมีพื้นที่ในการทำ Walk-in closet คุณอาจพิจารณาลงทุนทำส่วนนี้ก็ได้ หรือหากว่ามีพื้นที่จำกัด การทำตู้เสื้อผ้าแบบ built-in สูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น ก็ช่วยให้ห้องนอนดูแพงมากขึ้นอีกทั้งมีพื้นที่ใช้งานที่มากขึ้น เป็นฟีเจอร์ที่ผู้ซื้อส่วนใหญ่สนใจ

ดูต่อ:walk-in closet และสิ่งที่คุณต้องรู้เมื่อออกแบบด้วยตัวเอง

4. ใส่ใจห้องครัว 

ห้องที่ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดีส่วนใหญ่คือ "ห้องครัว" โดยเฉพาะบ้านสำหรับครอบครัว เพราะห้องครัวเป็นห้องที่ทุกคนในบ้านใช้งานกันบ่อย ไม่ว่าจะทำอาหาร เตรียมอาหาร เก็บอาหาร การปรับแต่งห้องครัวจึงช่วยทำให้บ้านดูน่าสนใจ และช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านได้อย่างดี 

5. พื้นที่เก็บของยิ่งเยอะยิ่งดี

ไม่มีใครพูดว่า "ที่เก็บของเยอะเกินไป" หรอก ส่วนใหญ่แล้วผู้คนก็มักมองหาลิ้นชัก หาตู้ ในการเก็บของในบ้านของพวกเขาทั้งนั้น ดังนั้น บ้านที่มีพื้นที่เก็บของที่มากพอและชาญฉลาดในการออกแบบพื้นที่เก็บของ ก็ดูจะได้เปรียบในตลาดซื้อขายมากกว่า อย่างเช่น พื้นที่ใต้บันได ก็เป็นอีกหนึ่งจุดในบ้านที่สามารถใส่ลิ้นชักเก็บของได้เพิ่มเติม 

6. การทาสีห้องใหม่ช่วยได้เยอะ

ข้อนี้อาจจะเป็นสิ่งที่หลายคนรู้อยู่แล้ว ว่าการทาสีทำให้ห้องเก่าดูดี ดูสะอาด ดูใหม่ และเป็นการปรับแต่งบ้านที่ราคาไม่แพงมากอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การเลือกสี คือปัจจัยสำคัญ พยายามหลีกเลี่ยงสีที่แปร๊ด เด่นชัดมากเกินไป และเลือกเอาสีโทนกลางที่ปลอดภัยกว่าสำหรับการขายบ้าน 

7. ประหยัดพลังงานมาแรง

ราคาของซื้อบ้านนั้นมีมากกว่าแค่ ราคาขาย ที่เห็นในประกาศ เช่น ค่าโอน ค่าย้ายบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ดังนั้น การมีข้อเสนอที่ช่วยประหยัดค่าน้ำ ค่าไฟ ในบ้านเป็นอีกฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านสูงมากขึ้น ไม่ว่าจะสิ่งเล็กๆ อย่างการใช้หลอดไฟ LED ทั้งหลัง ไปจนถึง การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ก็ช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านของคุณได้มากทีเดียว 

8. อัปเกรดห้องน้ำ

อีกหนึ่งห้องที่สำคัญไม่แพ้ห้องครัว ก็คือ "ห้องน้ำ" นั่นเอง การอัปเกรดห้องน้ำดูมีผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างดีทีเดียว โดยมากห้องน้ำเป็นห้องที่มีขนาดเล็กสุดในบ้าน คุณอาจลงทุนเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยทำให้บ้านดูมีราคาเพิ่มมากขึ้นได้แล้ว เช่น การเปลี่ยนตู้อ่างล้างมือ เปลี่ยนก็อกน้ำ เปลี่ยนชักโครก

9. ภายนอกบ้าน คือ ความประทับใจแรก

ความประทับใจเมื่อแรกเห็นบ้านสำคัญเสมอ หากว่าบ้านมีสนามหญ้าหน้าบ้าน ก็ควรตัดหญ้าให้เรียบร้อย หรือถ้าตัวบ้านสีเริ่มลอก มีคราบทางน้ำไหล มีรอยร้าว คงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ซื้ออยากเห็นแน่ๆ ดังนั้นควรปรับปรุงภานนอกตัวบ้านให้ดูดีด้วยเช่นกัน 

การลงทุนของคุณต้องคุ้มค่า! 

ถ้าคุณจะจ่ายเงินลงทุนปรับปรุงบ้านเพื่อขายต่อ คุณต้องแน่ใจว่าการลงทุนเหล่านั้นคุ้มค่า และช่วยเพิ่มมูลค่าบ้านได้จริง แน่นอนว่าการปรับปรุงบ้านให้ดูดีก็มีความเสี่ยง บางทำเลการปรับปรุงบ้านช่วยเพิ่มมูลค่าได้บ้านได้มากจริง ในขณะที่บางทำเลอาจจะไม่ได้ช่วยมากนัก ดังนั้น ศึกษาทำเลบ้าน และประเมินกำลังทรัพย์ของผู้ซื้อในทำเลนั้นๆ ให้ดีก่อนที่คุณจะลงทุนปรับปรุงบ้านด้วยล่ะ