นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า วันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา เซ็นสัญญาระหว่าง กทม.และบจ.ริเวอร์ เอนจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นผู้รับจ้างโครงการก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตและประตูระบายน้ำ คลองลาดพร้าว คลองบางบัว คลองถนน คลองสอง และคลองบางซื่อ จากบริเวณเขื่อนเดิมอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ไปทางประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ ฝั่งละ 22.65 กม. รวม 2 ฝั่ง 45.30 กม. มูลค่า 1,645 ล้านบาท

โดยพื้นที่ดำเนินการจะครอบคลุม 8 เขต ได้แก่ เขตดอนเมือง สายไหม หลักสี่ บางเขน จตุจักร ลาดพร้าว ห้วยขวาง และวังทองหลาง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และแก้ปัญหาน้ำท่วมเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล รวมถึงแก้ปัญหาคุณภาพน้ำในลำคลอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนสองฝั่งคลองลาดพร้าว-คลองสองให้ดีขึ้น คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 1,260 วัน หรือประมาณ 3 ปี ตามกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2561

ทั้งนี้โครงการจะสามารถรองรับน้ำและผันน้ำสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เร็วขึ้นกว่า 1 เท่าตัว จากการขยายความกว้างของคลอง 25-38 เมตร ขณะที่ตามแผนงานบริหารจัดการน้ำของ กทม.ระยะเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลยังมีคลองสำคัญที่ต้องดำเนินการอีก 8 คลอง ได้แก่ คลองบางซื่อ คลองบางเขน คลองเปรมประชากร คลองพระยาราชมนตรี คลองสามวา คลองลาดบัวขาว คลองประเวศบุรีรมย์ และคลองพระโขนง ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการ

นอกจากนี้ ได้เตรียมแผนงาน 3 ด้านทำควบคู่กันไป ได้แก่ แผนการก่อสร้าง จัดหาที่อยู่อาศัย และการประชาสัมพันธ์ โดยส่วนของแผนการก่อสร้าง หลังเซ็นสัญญาแล้ว จะก่อสร้างได้ทันทีจุดที่ไม่มีบ้านรุกล้ำเป็นระยะทาง 8 กม. หรือ 20% ของโครงการ จะเริ่มต้นเดือน ก.พ.นี้ จากนั้นจะดำเนินการต่อเนื่องในชุมชนที่พร้อมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่

สำหรับแผนการจัดหาที่อยู่อาศัยได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช., กองทัพบก, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กรมธนารักษ์ และกรมชลประทาน ลงพื้นที่สำรวจบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำแนวเขตคลอง พร้อมทั้งจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในชุมชนเพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา และให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม

ขณะที่ พอช.ผู้ดำเนินการจัดทำแผนพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยชุมชนริมคลอง ได้สำรวจพบว่ามีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจำนวน 43 ชุมชน รวมกว่า 7,000 หลังคาเรือน ในจำนวนนี้มี 6 ชุมชนจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ โดยได้มีการเจรจามาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 8 เดือนแล้ว และพิจารณาการใช้ที่ดินราชพัสดุที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์อื่นมาจัดทำโครงการที่อยู่อาศัยช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่อาศัยอยู่ริมคลอง

ข้อมูลจาก:prachachat.net