แสนสิริระบุชาวฮ่องกง จีน สิงคโปร์ นิยมซื้อคอนโดไทย ได้ผลตอบแทนลงทุนดีกว่าฝากแบงก์

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า ปัจจุบันชาวต่างชาติจากประเทศฮ่องกง จีน และสิงคโปร์ ให้ความสนใจซื้อห้องชุดในโครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาโครงการ โดยตั้งเป้ามูลค่าลูกค้าต่างชาติที่จะซื้อจำนวนห้องชุดในปีนี้ ทั้งปีมีมูลค่า 5,000 ล้านบาท จากในช่วงครึ่งปีแรกสามารถทำยอดขายได้แล้ว 2,700 ล้านบาท เนื่องจากชาวต่างชาติมองว่าราคาของห้องชุดในไทยนั้นยังมีราคาต่ำและสามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้มากกว่าออมเงินไว้กับสถาบันการเงิน

โครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9

ทั้งนี้ บริษัทจะนำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9 ซึ่งเป็นโครงการที่ 5 ของการร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ป ไปขายในประเทศฮ่องกง วันที่ 3-4 ก.ย.นี้ จำนวน 100 ยูนิต คาดว่าจะทำยอดขายได้ 500-600 ล้านบาท ส่วนช่วงวันที่ 10-11 ก.ย.นี้ จะทำตลาดที่จีน สิงคโปร์ และไทย ที่สำนักงานเดอะ เบส การ์เดน-พระราม 9 คาดว่าจะสามารถทำยอดขายในกลุ่มลูกค้าจีนและสิงคโปร์ได้ 50 ยูนิต โดยในช่วงเปิดพรีเซลโครงการคาดว่าจะทำยอดขายรวมได้เกิน 50% จากจำนวนยูนิตที่เปิดขาย 639 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,280 ล้านบาท

"ก่อนหน้านี้บริษัทพัฒนาโครงการเดอะเบส พระราม 9 มีกลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกงซื้อเพื่อลงทุน สามารถปล่อยเช่าได้เดือนละ 1.2-1.5 หมื่นบาท/เดือน หรือให้ผลตอบแทนการลงทุน 6% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงเมื่อเทียบกับการฝากเงินกับแบงก์ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ชาวต่างชาติสนใจมาซื้ออสังหาฯ ในไทย ซึ่งเขามองว่าผลตอบแทนการลงทุนได้ 4% ก็เลือกที่จะซื้อลงทุนแล้ว" นายอุทัย กล่าว

สำหรับทำเลย่านรามคำแหง-พระราม 9 นั้นสามารถเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้สะดวก เนื่องจากใกล้กับแอร์พอร์ตลิงค์ และการกีฬาแห่งประเทศไทย โดยเริ่มเห็นนักกีฬาต่างชาตินิยมมาเช่าอยู่อาศัยคอนโดมิเนียมในทำเลนี้ อีกทั้งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีโครงการเปิดตัวใหม่  ปัจจุบันมีแค่ 2 โครงการที่อยู่ระหว่างทำการขาย ซึ่งในภาพรวมมีโครงการที่เหลือขายในย่านนี้กว่า 100 ยูนิต ขณะที่ราคาขายที่ดินในทำเลนี้ปรับขึ้นเฉลี่ยปีละ 10% เนื่องจากจะมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม

ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัทตั้งเป้ายอดขายเฉพาะคอนโดมิเนียมทั้งปีไว้ 2.8 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีทำได้แล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมทั้งปี ขณะที่ยอดรับรู้รายได้ทั้งปีเฉพาะคอนโดอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่ง 7 เดือนแรกทำได้แล้ว 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 55% ของรายได้ทั้งปี ปัจจุบันบริษัทมียอดแบ็กล็อกหรือยอดขายรอรับรู้รายได้เฉพาะคอนโด 3 หมื่นล้านบาท คาดว่าโอนภายในปีนี้ 9,000 ล้านบาท

ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์