แนวทางออกแบบบ้านที่ช่วยสร้างสุขภาพจิตที่ดียิ่งขึ้น

แชร์บทความนี้

จากข้อมูลของศูนย์โรคซึมเศร้าไทย กรมสุขภาพจิต ระบุคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 2.27% ของจำนวนประชากรไทยทั้งประเทศ ทั้งความเครียด ความวิตกกังวล ต่างก็ส่งผลต่อการใช้ชีวิตโดยรวม 


ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในบ้านมากยิ่งขึ้น ทั้งรูปแบบการทำงานแบบ Work from Home ที่เพิ่มขึ้นในองค์กรต่างๆ ส่งผลให้การออกแบบบ้านเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนเรามากขึ้น เพราะนอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว การออกแบบบ้านยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของคนในบ้านทั้งร่างกายและจิตใจได้ด้วย บทความนี้ บ้านไฟน์เดอร์พามาดู สิ่งที่ช่วยทำให้จิตใจของคนในบ้านดียิ่งขึ้น ผ่านการออกแบบบ้าน ทำอย่างไรให้บ้านของเราส่งเสริมสุขภาพจิตของเราให้ดีขึ้น


แสงธรรมชาติ

แสงจากพระอาทิตย์เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการออกแบบบ้านเพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี แสงแดดส่งผลต่ออารมณ์ของเรา และยังช่วยสร้างวิตามิน D ให้กับร่างกายของเรา ช่วยปรับนาฬิกาชีวภาพของเราให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นห้องที่มีแสงจากธรรมชาติอย่างพอเหมาะ จึงเป็นห้องที่น่าอยู่ และช่วยให้อารมณ์ของผู้อยู่อาศัยดีขึ้นได้ วิธีในการใช้แสงธรรมชาติออกแบบบ้านที่ดี ก็มีหลากหลายวิธี ดังนี้ 


1. หน้าต่าง : หน้าต่างขนาดใหญ่ภายในบ้าน ช่วยทำให้มีแสงส่องเข้ามาภายในบ้านได้อย่างดี ดังนั้นพยายามเปิดรับแสงจากหน้าต่าง โดยอาจเลือกใช้ม่านสีอ่อนแบบโปร่งสักหน่อย เพื่อได้รับแสงในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวภายในบ้านได้ และอาจเพิ่มม่านทึบอีกชั้นสำหรับกันความร้อน 


2. Skylight : สำหรับบ้านทาวน์เฮ้าส์ หรือ ตึกแถว ที่หน้าต่างอาจไม่เพียงพอ ที่จะให้แสงเข้ามาในตัวบ้านได้ทั่วถึง อาจพิจารณาการรับแสงเข้าจากด้านบนหรือ Skylight แทนได้ โดยแนวการออกแบบบ้านทาวน์เฮ้าส์ช่วงนี้ เราก็มักเห็นการสร้างพื้นที่กลางบ้านเพื่อรับแสงแดดจากด้านบนมากขึ้น ลองดู เทรนด์รีโนเวททาวน์เฮ้าส์ ที่แก้ปัญหาแสงน้อยของบ้านแถว   


 

แบบแปลนบ้าน

แปลนบ้านที่ดีควรออกแบบให้ คนในบ้านสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างไม่ติดขัด หรือการเดินจากจุดต่างๆ ในบ้าน เดินได้อย่างสะดวก ไม่มีของเกะกะ สร้างความรู้สึกที่เปิดโล่งมากกว่าที่จะมีเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆ จำกัดทางเดิน การออกแบบแปลนที่ดีจะช่วยให้การเคลื่อนไหวภายในบ้านดีขึ้น คนในบ้านก็ไม่เกิดความรุ้สึกหงุดหงิด ช่วยให้ผ่อนคลาย และสะดวกสบายขึ้น  


การเลือกใช้วัสดุธรรมชาติ 

วัสดุธรรมชาติอย่างเช่น ไม้ หรือ หิน ก็ช่วยสร้างความอบอุ่นและเชื่อมกับธรรมชาติได้ โดยเฉพาะในอากาศเมืองร้อน การใช้วัสดุธรรมชาติร่วมกับการออกแบบหน้าต่างที่เปิดโล่ง เปิดรับลมที่เหมาะสม ก็ช่วยสร้างความรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ 


พื้นที่เก็บของ 

การออกแบบพื้นที่เก็บของในบ้าน ก็ส่งผลสำคัญต่อจิตใจของผู้อยู่อาศัย บ้านที่มีของน้อย และเก็บของอย่างเป็นระเบียบจะทำให้คนในบ้านรู้สึกผ่อนคลายขึ้น โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่ขนาดเล็กที่ข้าวของต่างๆ ดูเหมือนว่าจะสะสมกองขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย จนทำให้รู้สึกเครียด ก็ควรออกแบบชั้นวาง ตู้เก็บของ ลิ้นชักใตัเตียงที่สวยงาม สำหรับเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบด้วยเช่นกันเพื่อสร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลาย  


ต้นไม้ และน้ำ 

นอกจากวัสดุธรรมชาติที่เราสามารถเลือกนำมาใช้ในการออกแบบ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมอารมณ์ดีๆ ได้ นั่นก็คือ "ต้นไม้" มีการวิจัยมากมายที่เผยว่า ต้นไม้ภายในบริเวณบ้านช่วยสร้างสมาธิและลดความเครียดของผู้อยู่อาศัยได้ ดังนั้น บ้านควรมีพื้นที่สวนที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ก็ ต้นไม้นั่นช่วยพื้นที่สวน ซึ่งเป็นพื้นที่ธรรมชาติอย่างแท้จริง 


นอกจากต้นไม้ เรายังสามารถใช้องค์ประกอบธรรมชาติ อย่างเช่น สระน้ำ กำแพงม่านน้ำ ร่วมด้วย เพราะการฟังเสียงน้ำไหล ก็ช่วยปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นได้เช่นกัน  






การเลือกใช้สี

สิ่งที่ช่วยปรับอารมณ์ของเราได้อีกอย่างในการออกแบบนั่นคือ "สี" การเลือกใช้สีแต่ละสีส่งผลต่อความรู้สึก และอารมณ์ที่แตกต่างกันได้ โดยเมื่อพูดถึงสีในการออกแบบ เราสามารถแบ่งได้เป็นโทนสีร้อนและโทนสีเย็น เช่น สีแดง สีเหลือง และสีส้ม เป็นสีโทนร้อน ในขณะที่ สีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง เป็นสีโทนเย็น ซึ่งถ้าเราอยู่ในห้องที่มีสีโทนร้อน เราจะรู้สึกอบอุ่น ในขณะที่สีโทนเย็นทำให้เรารู้สึกเย็นขึ้น นั่นเป็นเหตุผลที่สีแดงเป็นที่นิยมมากในฤดูหนาว ในขณะที่สีฟ้าคราม สีเขียวอ่อน เป็นที่นิยมมากกว่าในอากาศร้อน 


สีแดง 

สีแดงเป็นสีแห่งอำนาจ ความก้าวร้าว และแพชชั่น นอกจากนี้สีแดงยังกระตุ้นความอยากอาหาร (ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นสียอดนิยมในร้านอาหาร) การใช้สีแดงที่เป็นสีโทนร้อนจะทำให้ห้องดูร้อนขึ้น ดังนั้นการใช้สีแดงมากเกินไปในบ้านอาจทำให้ผู้คนรู้สึกวิตกกังวล ไม่สงบใจ ดังนั้นการใช้สีแดงภายในบ้านต้องใช้เท่าที่จำเป็น หากคุณต้องการสร้างบรรยากาศที่สงบ


สีส้ม 

สีส้มเกี่ยวข้องกับพลังงาน กีฬา การแข่งขัน และนวัตกรรม เป็นอีกหนึ่งโทนสีร้อนที่สามารถทำให้พื้นที่รู้สึกร้อนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สีส้มเป็นสีที่มีพลังซึ่งไม่ค่อยถูกใช้เป็นสีเด่นในการออกแบบบ้านเท่าไร แต่พบเห็นได้บ่อยในออฟฟิศและศูนย์กีฬา แม้สีส้มจะไม่ใช่สีที่ถูกเลือกใช้ หากคุณกำลังพยายามสร้างพื้นที่ที่เงียบสงบ แต่เมื่อรวมเข้ากับการออกแบบตกแต่งภายในของคุณอย่างเหมาะสม สีส้มสามารถทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ที่ร่าเริงได้เหมือนกัน

สีเหลือง 

สีเหลืองเป็นสีโทนร้อนเพียงสีเดียวที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนคลาย และยังสื่อถึงความสุข ความคิดสร้างสรรค์ และความไร้เดียงสา ทำให้เราพบสีเหลืองในการออกแบบ ห้องเด็ก และพื้นที่ส่วนตัวของบ้านได้บ่อย สีเหลืองอ่อนๆ ช่วยสร้างความรู้สึกที่ผ่อนคลายในพื้นที่ได้ด้วย


สีเขียว 

สีเขียวเป็นสีที่ผ่อนคลายและสงบ สื่อถึงความสมดุล เป็นอันหนึ่งอันเดียว และธรรมชาติ ในการออกแบบบ้าน สีเขียวสามารถสร้างความรู้สึกสงบที่บรรเทาและสงบ แต่สีเขียวสว่างๆ อย่างเช่นสีแอปเปิ้ลเขียว ก็ทำให้ห้องดูร่าเริงได้ แต่ระวังการใช้ที่มากไปอาจทำให้เยอะเกิน อย่างไรก็ตามสีเขียวเล็กน้อยไปไกล สีเขียวที่อิ่มตัวสามารถครอบงำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ห้องดูมืดหรือมืด การใช้สีเขียวสดใสหรือสีเขียวแอปเปิ้ลทำให้ห้องดูร่าเริง แต่ถ้าใช้ซ้ำๆ สีเหล่านี้อาจรู้สึกเยอะเกินได้ ในทางกลับกัน สีเขียวหม่นๆ โทนสีเซจ มักเป็นสีกลางๆ ที่ช่วยสร้างพื้นที่ที่ผ่อนคลายได้อย่างดี

สีฟ้า 

สีที่สื่อถึงความสดชื่น สงบ เยือกเย็น สีฟ้าเป็นสีที่ถูกนิยมใช้ในระดับขององค์กร บริษัท ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม สีฟ้าสดใส ช่วนสร้างบรรยากาศทะเล ริมน้ำ และเข้ากันได้ดีมากเมื่อคู่กับสีขาว และมีการวิจัยที่บอกว่าสีฟ้าเป็นหนึ่งในสีที่ไม่ค่อยทำให้อยากอาหารมากนัก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุว่าทำไมร้านอาหารจึงไม่ค่อยใช้สีนี้กัน 


สีม่วง 

สีม่วงคือสีที่กระตุ้นความรู้สึกหรูหรา สิทธิพิเศษ และเป็นสีที่ใช้ในพิธีหลากหลายที่สื่อถึงความสูงระดับ นอกจากนี้ยังเป็นสีที่เกี่ยวข้องกับ ความโดดเด่นเฉพาะ ความคิดสร้างสรรค์ และขี้เล่น ในการออกแบบบ้าน เรามักจะไม่ค่อยเห็นสีม่วง และถ้าเห็นก็คงจะเป็นการเน้นย้ำงานศิลปะ เพื่อสร้างความโดดเด่นบางอย่างในบ้าน สีม่วงอ่อนหรือสีลาเวนเดอร์ถือเป็นสีที่เป็นผู้หญิง นุ่มนวล และให้ความรู้สึกสบายใจ สีม่วงเข้มอย่างมะเขือยาวนั้นทรงพลัง สีม่วงที่เข้มมากเกินไปอาจทำให้คนรู้สึกเศร้าได้ และถ้าใช้สีม่วงมากเกินไป ก็ทำให้คนบางคนรู้สึกหงุดหงิดและหยิ่งยโสได้


สีเทา

เมื่อใช้สีเทาอย่างเหมาะสมในการออกแบบบ้าน จะช่วยสร้างความเป็นกลางและความสมดุลได้อย่างดี เนื่องจากเป็นสีที่ผสมสมดุลของสีขาวและสีดำ จึงสามารถใช้เป็นสีกลางได้ อย่างไรก็ตาม สีเทาจำนวนมากเป็นเฉดสีฟ้า เขียว เหลือง หรือแม้แต่ม่วง ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับโทนสีของสีเทาใดๆ ในทางจิตวิทยาของสี สีเทามีความหมายเชิงลบที่เกี่ยวข้องกับความหดหู่ การสูญเสีย และความกระสับกระส่าย ห้องที่ใช้สีเทาเด่นไปอาจรู้สึกเฉยเมยและไม่น่าอยู่


สีน้ำตาล

สีน้ำตาลเป็นสีที่มักพบได้บ่อยในธรรมชาติ การศึกษาพบว่าการใช้สีน้ำตาลในบ้านทำให้เกิดความรู้สึกเข้มแข็งและน่าเชื่อถือ การใช้สีน้ำตาลในห้องช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ทั่วไปแล้วสีน้ำตาลมีอยู่ในห้องต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ไม้หรือตู้ไม้ การใช้สีน้ำตาลกับผนัง พื้น หรือเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ที่มีไม้สีน้ำตาลเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ก็อาจทำให้ห้องดูหนัก ไร้จินตนาการ หรือน่าเบื่อ การผสมผสานสีน้ำตาลเข้ากับสีเขียว สีขาว และสีกลางเป็นวิธีที่ดีในการสร้างพื้นที่ผ่อนคลายและสดใสขึ้นมาหน่อย


สีดำ 

การวิจัยทางจิตวิทยาเกี่ยวกับสี แสดงให้เห็นว่าสีดำทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างกัน ในขณะที่สีดำมักเกี่ยวข้องกับความตาย ความไม่มีความสุข และความลึกลับ แต่ก็ยังเป็นสีที่สื่อถือ ความเคร่งขรึม จริงจัง ความฉลาด และเซ็กซี่ สีดำไม่ใช่สีที่สดใส ดังนั้นจึงไม่ได้ถูกใช้เป็นสีหลักของห้อง แต่เมื่อใช้แต่น้อย หรือใช้เป็นองค์ประกอบ สีดำก็ทำให้พื้นที่ดูมีพลัง น่าทึ่ง และสวยงามได้ 


สีขาว

สีขาวเป็นสี neutral สีกลางที่มักถูกใช้อย่างมากในการออกแบบบ้าน สีขาวเป็นสียอดนิยมที่สุดสำหรับผนัง เพดาน เพราะสีขาวช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติ ทำให้ห้องดูสว่างขึ้น กว้างขวางขึ้น และใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความรู้สึกสะอาด บริสุทธิ์ และอ่อนโยน อย่างไรก็ตาม การใช้สีขาวมากเกินไปอาจทำให้ห้องดูจืดชืด ไร้อารมณ์ แต่สีขาวก็เป็นสีที่ง่ายต่อการใช้งานในการออกแบบตกแต่งภายใน เพราะสีขาวเข้าได้กับทุกสิ่ง - มืดหรือสว่าง



แชร์บทความนี้


热门文章


文章

เช่าคอนโดครั้งแรก คำแนะนำ สำหรับผู้เช่ามือใหม่

การ เช่าคอนโด เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายแต่ไม ... 继续阅读......

5 วิธีที่ห้องนอนของคุณทำลายการนอนหลับของคุณ

การนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดี แต่บ่อยครั้งที่เรามักมองข้ามปัจ ... 继续阅读......

พาส่อง 4 โครงการใหญ่ ใกล้เปิดตัวในกรุงเทพฯ -ปริมณฑล

การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ มักจะผูกพันกับศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ... 继续阅读......

คอนโดผู้สูงอายุ ดีไหม พร้อมแนะนำ 5 คอนโดผู้สูงอายุในไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ทำให้ทิศทางของตลาดอสังหาฯ เริ่มพัฒนาที่อยู ... 继续阅读......

6 ฟีเจอร์ในบ้านยุคใหม่ ที่ผู้ซื้อมองหา

ความต้องการของผู้ซื้อบ้านในยุคปี 2024 นี้ ก็แตกต่างจากยุคสมัยก่อน ดังนั้น เราจึงตรงปรับฟังก์ชั่นการใ ... 继续阅读......