สิ่งน่าประหลาดใจคือความจริงที่ว่า การหาซื้ออสังหาราคาถูกง่ายกว่าการขายอสังหาให้ได้เร็วอีก หลายคนเข้าใจความรู้สึกเหล่านี้เป็นอย่างดี แม้ว่า คุณจะขายอสังหาไปได้บ้างในแต่ละปี แต่แล้วบางอสังหาก็กลับขายไม่ออกเลย
เมื่อคุณมีอสังหาวางขายในตลาดแล้วยังขายไม่ออกสักที สิ่งนี้อาจกำลังบอกอะไรบางอย่างกับคุณ และคุณควรที่จะรับฟัง
1. ผู้ซื้อในตลาดไม่เห็นด้วยกับราคาที่คุุณต้องการจะขาย
จำไว้ว่า นี่ไม่ได้หมายความว่าราคาที่คุณตั้งไว้เป็นราคาที่ผิด (แม้ว่าอาจจะมีความเป็นไปได้ที่มันจะผิด) แต่ที่เห็นชัดๆ ในทางหนึ่งคือ คุณไม่สามารถที่จะสื่อสารให้ผู้ซื้อเห็นและเชื่อในคุณค่าของอสังหาที่คุณจะขาย
บางครั้ง มันก็อาจจะเป็นที่รูปภาพของอสังหาที่ดูไม่ได้ หรือคุณไม่ได้ให้ข้อมูลที่มากพอ หรือคุณไม่ได้สื่อสารว่า ทำไม อสังหาของคุณถึงมีค่า (ตำแหน่งที่ตั้ง สิ่งอำนวยความสะดวก ประโยชน์เมื่อได้เป็นเจ้าของ ฯลฯ) สรุปสั้นๆ คุณไม่สามารถที่จะทำให้ผู้ซื้อมองเห็นเหตุผลที่จะต้องซื้ออสังหานี้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกร้องราคาที่มากเกินไป หรือคุณไม่ได้ให้ข้อมูลที่มากพอสำหรับผู้ซื้อที่จะพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันจะซื้ออสังหานี้แหละ”
2. ถ้ามีความต้องการในการซื้อ คุณอาจจะเข้าไม่ถึงคนเหล่านั้น
ในหลายกรณี มักจะอยู่ที่การโปรโมทอสังหาได้ไม่ทั่วถึง คุณอาจจะมีข้อมูลที่ดีมากพอ มีการสื่อสารคุณค่าของอสังหาได้อย่างดี แต่คุณอาจจะไม่ได้ใช้ลำโพงที่เสียงดังมากพอ
หรือถ้าหากว่าคุณไปป่าวประกาศในที่ๆ คนไม่ได้มองหาบ้านหรือมีความต้องการในการซื้อบ้าน มันก็เเท่านั้นเอง ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่าช่องทางในการประกาศของคุณถูกพบเห็นโดยกลุ่มคนที่สนใจ
แล้วเราควรทำไงดี ถ้าลงประกาศแล้วยังขายไม่ได้?
ถ้าเราเข้าใจสิ่งที่พูดไว้ด้านบนแล้ว เรามาลองดูกันว่าวิธีที่จะช่วยทำให้การขายบ้านเพิ่มสูงขึ้น
1. สร้างประกาศขายในเว็บให้ดี
คุณภาพของประกาศ มีผลอย่างมากต่อความสามารถในการขายอสังหาของประกาศนั้นๆ เหมือนกับความประทับใจแรก (First impression) นั่นแหละ ยิ่งคุณสร้างความประทับใจของคนที่พบเห็นประกาศได้มากเท่าไร โอกาสการขายก็มีมากขึ้น และการสร้างประกาศให้มีคุณภาพ ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยไม่กี่อย่างเหล่านี้:
-
ใช้รูปภาพที่มีความละเอียดที่สูง
แทบจะไม่ต้องพูดก็เหมือนจะเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คนขายส่วนใหญ่มองข้ามและไม่เข้าใจการสร้างประกาศที่ดีเลย
คุณเคยมองหาอสังหาออนไลน์แล้วเจอกับประกาศขายบ้านแบบที่ไม่มีรูปภาพเลยอะไรทำนองนี้มั้ย ถ้าคุณเป็นเหมือนกับ 99.9999999% ที่เหลือ คุณก็คงจะเลื่อนหน้าจอผ่านไปโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ จริงมั้ย?
รูปภาพมีความสำคัญมากๆๆๆ เมื่อคุณประกาศขายบ้านออนไลน์ เราทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ทำไมน้อยคนนักที่จะสร้างรูปภาพที่ดีที่สุดของอสังหาเมื่อพวกเขาลงขายบ้าน? ถ้าจะมีอะไรที่น่าลงทุนในการขายบ้าน ก็ลงทุนกับรูปภาพของอสังหาเถอะ
ดู เทคนิคถ่ายภาพบ้านอย่างไรให้ขายออก
-
เขียนประกาศให้มีพลังน่าดึงดูด
การเขียนเนื้อหาประกาศขายบ้าน ต้องอาศัยความสามารถของคุณในการดึงเอาอารมณ์ของคนให้ได้ คุณต้องเข้าใจอย่างจริงจังว่าอสังหาของคุณมีความโดดเด่น น่าสนใจในแง่อะไรบ้าง และลงรายละเอียดถึงข้อได้เปรียบ ฟังก์ชั่น ความปราณีตต่างๆ ที่มีภายในตัวบ้าน จำไว้ว่าคุณต้องสร้างความฝันที่กลายเป็นจริงให้กับผู้ซื้อ
-
สร้างหัวข้อประกาศที่โดดเด่น
หัวข้อประกาศต้องจับความสนใจของผู้ซื้อให้ได้ การลงประกาศในเว็บ หัวข้อประกาศที่โดดเด่น ทำให้คนอ่านกดเข้าชมประกาศทั้งหมด ถ้าคนไม่สนใจที่จะกดคลิกเข้ามาดูประกาศอสังหาของคุณ การสร้างประกาศที่ดีก็คงไม่มีความหมายอะไร
-
สร้างวีดีโอที่ดูมืออาชีพ
วีดีโอ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะ การขายอสังหาที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ คุณอาจใช้โดรนในการถ่ายก็ได้ การมีวีดีโอของอสังหาที่คุณจะขาย ข่วยทำให้ผู้ซื้อเห็นภาพได้ดีมากขึ้น และช่วยให้ประกาศของคุณน่าสนใจไม่น้อยเช่นกัน
2. โปรโมทประกาศของคุณในหลายๆ ที่
คนที่จะโทรเข้ามาเริ่มสนใจในประกาศของคุณ มาจากการที่คุณลงประกาศอสังหาในหลายๆ ที่ ลองตั้งสมมติฐานเล่นๆ ดูว่า ทุกๆ 1000 คน จะมีคนสนใจสัก 1 คน คุณอาจจะต้องให้คนเป็น แสนๆ คนเข้ามาดูประกาศเพื่อที่จะได้คนที่สนใจอสังหาของคุณ ซึ่งการที่คุณลงประกาศไว้ที่เดียวแล้วคิดว่า พอแล้ว ก็อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้น พยายามให้คนเห็นประกาศของคุณให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
3. โปรโมทประกาศของคุณให้บ่อย
ประกาศอสังหามีเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน และนอกจากนั้นก็มีประกาศอสังหาที่ลงโฆษณาไว้อีกด้วย ถ้าคุณต้องการที่จะให้อสังหาอยู่อันดับต้นๆ คุณก็ต้องเข้ามาอัพเดตประกาศอย่างสม่ำเสมอ เพราะถ้าคุณไม่เปิดหน้า 2 3 4 เมื่อคุณค้นหาใน google ฉันใด ก็อย่าตั้งความหวังว่าผู้ซื้อจะเปิดดูทั้ง 50 หน้าในการค้นหาอสังหาเลย ดังนั้น คุณต้องหมั่นเข้ามาอัพเดตประกาศอสังหาของคุณให้บ่อย
4. เสนอตัวเลือกด้านการเงิน
ถ้าคุณกำลังขายอสังหา ที่อาจจะต้องใช้เงินก้อนโต แทนที่จะมองหาแต่คนที่พร้อมจ่ายเงินสดทีเดียวเลย ก็อาจจะเสนอการจ่ายเงินในทางอื่นๆ ที่คุณรับได้ด้วย แม้ว่าจะไม่เหมาะกับทุกอสังหาที่ต้องการขาย แต่การเสนอตัวช่วยด้านการเงิน ก็อาจจะช่วยเพิ่มโอกาสขายสู่กลุ่มคนได้มากขึ้น เช่น ถ้าคุณยินดีที่จะรับการผ่อนจ่ายตามระยะเวลาที่กำหนด (ซึ่งคุณจะได้เงินเพิ่มขึ้นในกระบวนการนี้) ก็สามารถยื่นข้อเสนอนี้แก่ผู้ที่สนใจได้เช่นกัน
5. ถามเหตุผลว่าทำไมผู้สนใจไม่ซื้ออสังหาของคุณ
การถามคำถามว่า “ทำไม” มีความสำคัญเมื่อคุณต้องการที่จะเข้าใจความต้องการของผู้ที่ต้องการซื้ออสังหา นักการตลาดมากมายลงทุนมหาศาลเพื่อค้นหาว่าลูกค้าต้องการอะไร ดังนั้น ถ้ามีคนที่สนใจเข้ามาดูบ้าน สอบถามพูดคุย แต่ไม่ตัดสินใจซื้อ อาจเป็นจังหวะที่คุณลองถามดูว่า ทำไมพวกเขาไม่สนใจซื้อ และยื่นข้อเสนอที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธไม่ได้
6. ปรับปรุงอสังหาให้ดูดีขึ้น
ไม่ว่าคุณกำลังขายอสังหาประเภทไหน บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ คอนโด ที่ดิน มันมักจะมีโอกาสที่ผู้ซื้อตั้งใจที่จะจ่ายเงินตามที่คุณขอ (หรืออาจจะมากกว่า) หากอสังหานั้นมาพร้อมกับ ฟีเจอร์หรือความน่าสนใจที่มีประโยชน์กับผู้ซื้อบางอย่างที่เพิ่มขึ้นมา แต่คุณต้องหาให้ได้ว่าคืออะไร ไม่ว่าคุณจะคิดว่ามันคือ การสร้างที่จอดรถในร่ม หรือการวางท่อน้ำใหม่เพื่อการประหยัดน้ำต่างๆ
7. ลดราคาลง
นี่เป็นหัวข้อสุดท้ายในลิสต์ เพราะการลดราคาเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดที่คุณจะทำได้ แต่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณอยากจะทำ
การลดราคานั้นทำได้ง่าย เพราะไม่ต้องใช้ความคิดหรือพลังงานอะไรมากมาย และมันก็อาจช่วยขายบ้านให้ได้เร็วขึ้น แต่การลดราคานั้นก็ทำให้คุณเสียราคาอสังหาที่ควรจะได้ไปเช่นกัน ดังนั้น วิธีนี้จึงน่าพิจารณา เฉพาะถ้าคุณลองทำทุกๆ อย่างจนหมดแรงแล้ว เพราะมูลค่าของบ้านที่แท้จริง (จำไว้ว่า มูลค่า แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคลด้วย) ก็อยู่ที่ว่าคุณจะสามารถเจอกับผู้ซื้อที่เห็นมูลค่าในบ้านเช่นเดียวกันกับคุณได้มั้ย
เตรียมพร้อมที่จะปรับความคาดหวังของคุณ
คุณอาจจะไม่ต้องทำตามทุกกลยุทธ์ในที่นี้ บางครั้งอาจจะแค่ทำตามเพียงข้อใดข้อหนึ่งก็ยังได้ เพื่อที่จะช่วยให้การขายบ้านมีโอกาสมากขึ้น จำไว้ว่าการขายอสังหานั้นไม่สามารถทำได้ทันทีในความเร็วแสง บางครั้ง ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือน เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการซื้อบ้านของคนในแต่ละช่วงเวลา และในแต่ละพื้นที่เช่นกัน
ดังนั้น คุณต้องมีความอดทน พยายามปรับตัว ปรับความคิดให้ไว และอย่าเพิ่งมองเป็นความยุ่งยากไปเสียทั้งหมด เปิดใจที่จะปรับตามสภาพของตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอด