พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลอนุมัติก่อสร้างหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลข กท.3257 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร หลังกระทรวงคมนาคมเสนอข้อยกเว้นให้เกิดโครงการพัฒนาดังกล่าว พร้อมทั้งให้มีการดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ จึงต้องคำนึงถึงผลสัมฤทธิ์และเพื่อหลีกเลี่ยงความล่าช้าในขั้นตอนการประมูล
โครงการนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ สร้างหอชมเมืองเป็นโครงการตามนโยบายของรัฐบาล มีมูลค่าโครงการ 4,621 ล้านบาทเศษ แบ่งเป็น ค่าการลงทุนก่อสร้าง 4,422 ล้านบาท และเป็นค่าที่ราชพัสดุ 198 ล้านบาทเศษ สำหรับแหล่งเงินทุนโครงการมาจากเงินทุนของมูลนิธิพอชมเมือง เงินกู้จากสถาบันการเงิน และเงินบริจาคจากภาคเอกชน โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะนำไปบริจาคให้องค์กรสาธารณะกุศลต่างๆ ตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิ
สำหรับวัตถุประสงค์การจัดทำโครงการนี้เพื่อเป็นต้นแบบน้อมนำศาสตร์พระราชาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดชได้พระราชทานไว้มาดำเนินโครงการ โดยจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของไทยและเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งยุค พร้อมทั้งเป็นต้นแบบก่อสร้างอาคารสูงซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและความรู้ทางการบริหารจัดการการออกแบบและวิศวกรรมอันล้ำสมัยตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล นอกจากนี้ยังจัดให้นักเรียนนักศึกษาเข้าเรียนรู้ขั้นตอนการก่อสร้าง เพื่อยกระดับพื้นฐานทางปัญญาเยาวชนไทย
โดยมีเงื่อนไขสำหรับเอกชนที่เข้ามาจัดทำโครงการคือ ให้จัดทำแผนบริหารการสัญจร การรักษาสิ่งแวดล้อม การพัฒนาชุมชนในบริเวณใกล้เคียงและแผนรับมือการจราจรบริเวณดังกล่าวเพื่อบรรเทาการจราจรติดขัด ตลอดจนให้กรมธนารักษ์และกรมการคลังพิจารณานำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของมูลนิธิหอชมเมืองโดยมิให้นำมาแบ่งปันกัน
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังกำชับเรื่องความโปร่งใส่และเป็นธรรมของโครงการป้องกันมิให้มีการเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายใด
ทั้งนี้ในช่วงที่มีการเเถลงหลังการประชุมครม. ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เเถลงมูลค่าโครงการดังกล่าวเป็น 7,621 ล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจ พบว่าตัวเลขงบประมาณที่แจกเอกสารให้สื่อมวลชนนั้นเป็นมูลค่า 4,621 ล้านบาท น้อยกว่าตัวเลขที่ทางโฆษกแถลง โดยคาดว่าจะเป็นการแถลงที่ผิดพลาด จึงได้มีการสอบถามไปอีกครั้ง ทางโฆษกจึงยืนยันว่ามูลค่าโครงการให้ยึดตามประกาศของเอกสารคือ 4,621 ล้านบาท
โดยจากรายงาน EIA ระบุว่า ขนาดพื้นที่โครงการ หอชมเมืองนั้น 4-3-15.3 ไร่ ประกอบด้วยส่วนชั้นใต้ดินจำนวน 2 ชั้น และส่วนฐานอาคาร (Podium) สูง 4 ชั้น เชื่อมกับหอชมเมืองที่สูง 24 ชั้น รวมๆ แล้วสูงราว 459 เมตร โดยด้านบนหอคอยเป็นที่ประดิษฐ์สถาน สิ่งศักดิ์สิทธิ์, ศูนย์การเรียนรู้, และจุดชมวิว
ข้อมูลจาก: prachachat.net