Evergrande บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจีนติดหนี้กว่า 3 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือราว 9,957 ล้านบาท) อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่กับตลาดอสังหาฯ ของจีน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มาดูกัน
Pic credit: reuters
Evergrande ทำธุรกิจอะไร
Evergrande เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีจำนวนการขายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศจีน บริษัทก่อตั้งโดย Xu Jiayin (หรือ HUI KA YAN ในภาษากวางตุ้ง) เมื่อปี 1997 และเขาก็สร้างรายได้มากมายจนก้าวมาเป็นมหาเศรษฐีจากการเติบโตของเศรษฐกิจจีน
โดยเมื่อเดือนมีนาคมของปี 2020 นิตยสาร Forbes จัดอันดับให้เขาเป็นบุคคลที่รวยเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน เป็นรอง Jack Ma แห่ง Alibaba และ Ma Huateng แห่ง Tencent แต่ในเดือนธันวาคมในปีนั้น ตำแหน่งของเขาก็ร่วงมาอยู่ที่อันดับ 10
บริษัท Evergrande เติบโตอย่างมาก จากราคาอสังหาริมทรัพย์ที่บูมมากขึ้นพร้อมเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศจีน บริษัทมีพนักงานมากกว่า 200,000 คนและพัฒนาโครงการกว่า 1,300 โครงการทั้งเชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย และโครงสร้างพื้นฐาน ใน 280 เมืองของประเทศจีน
นอกจากนี้ Evergrande ยังขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ เช่น อาหาร ประกันชีวิต รายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ การท่องเที่ยว และยังมีสโมสรฟุตบอล Guangzhou FC football (ชื่อเดิมคือ Guangzhou Evergrande) รวมถึงธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่ก่อตั้งในปี 2019 แต่ก็ยังไม่ได้ทำการตลาดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าแต่อย่างใด
เกิดปัญหาอะไรขึ้นกับบริษัท
Evergrande ก็เหมือนกับหลายๆ บริษัทที่กู้ยืมเงินจำนวนมาก เช่น การออกหุ้นกู้ (Bond) เพื่อต่อยอดธุรกิจในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังบูม แต่เมื่อโควิด 19 เข้ามาบวกกับการชะลอตัวซื้อในตลาดอสังหาฯ ของจีนทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทเริ่มถดถอยลง
จำนวนหนี้ที่ทับถมเพิ่มมากขึ้น ก็ส่งผลให้บริษัทไม่สามารถชำระหนี้คืนตามเวลาที่กำหนด บริษัทอาจต้องเทขายทรัพย์สิน และบริษัทย่อย เพื่อความอยู่รอด รวมถึงการเจรจากับธนาคารและบริษัทเครดิตเพื่อกำหนด deadline ในการชำระหนี้คืนใหม่ แต่นั่นก็อาจเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาชั่วคราว
เพราะตามรายงานประจำปี 2020 บริษัทมีหนี้มากกว่า 5.2 หมื่นล้านดอลล่าร์ ที่ต้องชำระคืนภายใน 1 ปี และรายได้จากการขายยูนิตของบริษัทก็ย่ำแย่มาตลอด ตอนนี้บริษัท Evergrande มีหนี้สินรวมกว่า 3 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือราว 9,957 ล้านบาท) ขึ้นแท่น "บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้มากที่สุดในประเทศจีน"
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทาง Evergrande ก็ได้ประกาศว่าบริษัทให้ที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาเพื่อช่วยประเมินสถานการณ์ ณ ขณะนี้แล้ว และจะพยายามหาทางแก้ไขที่เหมาะสมให้รวดเร็วที่สุด แต่กระนั้นบริษัทก็ไม่ขอการันตีใดๆ
ใหญ่เกินไปที่ล้ม Too Big to Fail ?
จากที่ผ่านๆ มา รัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากๆ ส่วนใหญ่อาจจะมีมุมความคิดที่อันตรายอยู่บ้าง นั่นคือ การกู้เกินกำลัง และการลงทุนเสี่ยงๆ ของบริษัทสามารถทำได้ เพราะสุดท้ายแล้วรัฐบาลต้องยื่นมือเข้ามาช่วยไว้ได้ทันเสมอ
ตัวอย่างจาก Huarong Asset Management หนึ่งใน Big 4 บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่มีรัฐเป็นเจ้าของ เมื่อเดือนเมษายน 2021 บริษัทออกมาประกาศเลื่อนการออกงบประจำปี ส่งผลให้เกิดความกังวลและราคาหุ้นกู้ร่วงหนัก และหลังจากล่าช้าไป 4 เดือน รายงานก็ออกมาบอกว่ากำไรของบริษัทตกลงมากกว่า 90% ช่วงปีที่ผ่านๆ มาของโควิด-19 ซึ่งก็แน่นอนแล้วว่า บริษัท Huarong ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทำให้ภาระตกมาอยู่กับรัฐด้วย
เนื่องจาก Huarong ดูแลรับผิดชอบในส่วนของหนี้เสียต่างๆ ของสถาบันการเงินมากมายในประเทศจีน การล้มของ Huarong จะส่งผลกระทบใหญ่ไปทั้งเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลต้องเข้ามาเจรจาให้ CITIC group และสถาบันการเงินของรัฐ ช่วยอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อฟื้นฟูธุรกิจและประนอมหนี้กว่า 7.7 พันล้านบาทในที่สุด
คราวนี้ นักลงทุนต่างต้องลุ้นอีกครั้งว่า Evergrande Group จะ "ใหญ่เกินไปที่จะล้ม" หรือเปล่า โดยความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังมองในแง่ลบ เพราะเคสของ Evergrande ต่างจาก Huarong ในแง่ของโมเดลธุรกิจและขนาดของหนี้ ซึ่งอาจหมายความว่ารัฐอาจมีความเป็นไปได้ที่รัฐอาจไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยในเคสนี้
โดยเฉพาะเมื่อ รัฐบาลของจีนประกาศที่จะลดความเสี่ยงและลดภาระหนี้ของรัฐ รวมถึงกำหนดขั้นเครดิตการกู้ยืมของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้สอดคล้องกับระดับสภาพคล่อง ทรัพย์สิน และเงินทุนที่มี เพื่อรักษาการเติบโตที่ยั่งยืนของตลาดอสังหาฯ
ใครจะโดนผลกระทบบ้าง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์เป็นตลาดใหญ่ของประเทศจีน หากบริษัทล้มลงอาจสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กับประเทศจีน ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อทั้งกลุ่มธนาคาร กลุ่มผู้ซื้อบ้าน นักลงทุน และกลุ่มผู้ผลิต
กลุ่มธนาคาร
สถาบันการเงินจะเป็นกลุ่มแรกที่โดนผลกระทบแรกๆ หากว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์มีปัญหาในวงกว้าง และแน่นอนว่าเศรษฐกิจของจีนก็อาจมีปัญหา และแม้ว่ากลุ่มการเงินยังไม่สะท้อนผลกระทบ ณ จุดนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดปัญหาใดๆ ตามมาเลยในอนาคต
กลุ่มผู้ซื้อบ้านและนักลงทุน
และแน่นอนว่ากลุ่มผู้ซื้อและนักลงทุนต่างกังวลถึง เงินดาวน์ที่จ่ายไปให้กับบริษัทแต่โครงการอาจจะสร้างไม่เสร็จ และเงินลงทุนที่อาจไม่ได้รับคืน ทำให้ผู้เดือดร้อนจำนวนมากมีการรวมตัวกันประท้วงหน้าสำนักงานใหญ่ของบริษัท Evergrande ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา และยื่นคำร้องขอให้บริษัทชำระหนี้ที่ค้างจ่าย จนเกิดกระทบกระทั่งกันตามรายงานข่าว
โดยหลายเดือนที่ผ่านมา หุ้นของ China Evergrande Group ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงก็แสดงความกังวลมาตลอด โดยราคาของหุ้นตกลงมากกว่า 80% ในช่วงปีที่ผ่านมา
กลุ่มผู้ผลิต (Supplier)
วิกฤตของ Evergrande ยังส่งผลต่อภาคผู้ผลิตในการก่อสร้างโครงการต่างๆ อ้างอิงจาก S&P Global Ratings บริษัทอาจพยายามโน้มน้าวผู้ผลิตและบริษัทก่อสร้างให้รับเป็นทรัพย์สิน โครงการ มากกว่าเงินสด เพราะอาจต้องนำเงินสดคืนในส่วนที่จำเป็น
อย่างไรก็ดี เราก็คงต้องจับตามองกันต่อไป สำหรับการจัดการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นของ Evergrande เพราะวิกฤตครั้งใหญ่นี้อาจส่งกระทบที่ก่อตัวช้าๆ จนกลายเป็นคลื่นยักษ์ใหญ่ในวงกว้างต่อไป และเป็นอีกเคสศึกษาสำหรับบริษัทที่อาจต้องศึกษาการรับมือความเสี่ยง รวมถึงประเมินความสามารถในการกู้ยืมที่เหมาะสม
อ้างอิง
- https://thediplomat.com/2021/09/is-chinas-evergrande-group-too-big-to-fail/
- https://www.cnbc.com/2021/09/17/china-developer-evergrande-debt-crisis-bond-default-and-investor-risks.html