ธปท. ไม่ต่อเวลามาตรการ LTV-loan to value หลังครบกำหนด 31 ธ.ค.นี้

แชร์บทความนี้

ธปท.เผยไม่ต่อเวลามาตรการ LTV-loan to value หลังครบกำหนด 31 ธ.ค.นี้ ยันไม่กระทบผู้กู้รายย่อยราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท เหตุได้วงเงิน 100% คาดลดผลข้างเคียง-หนี้ครัวเรือน หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณฟื้นตัวชัด 


ที่ผ่านมา ธปท.ได้ผ่อนคลายมาตรการ LTV-loan to value ชั่วคราว จากเดิมมีเกณฑ์ LTV หรือเกณฑ์ปล่อยกู้ได้ 70-95% จากราคาซื้อขายในสัญญา ผ่อนปรนเกณฑ์ LTV 100% ทุกราคาบ้าน จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ซึ่งเป็นมาตรการที่นักวิเคราะห์มองว่า ออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นบ้านราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท 



โดยวันที่ 31 ตุลาคม 2565 นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า จากทิศทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน และทั่วถึงมากขึ้น และภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งอุปสงค์และอุปทาน รวมทั้งการจ้างงานในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทยอยปรับดีขึ้น

 

ดังนั้น ธปท.จึงเห็นควรไม่ต่ออายุมาตรการ LTV หรือหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย ซึ่งจะครบกำหนดการผ่อนคลายชั่วคราวภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2565 นี้ ภายหลังจากมีการผ่อนคลายชั่วคราวจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการเติมเม็ดเงินใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก โดยการเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อที่อยู่อาศัยให้กลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อ โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางขึ้นไปที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ไม่มากนัก และมีความสามารถรองรับการก่อหนี้เพิ่มได้


ทั้งนี้ มองว่าการไม่ต่ออายุดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบหรือเป็นอุปสรรคต่อการซื้อที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากเกือบทั้งหมดกู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่มูลค่าต่ำกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมาตรการ LTV ปัจจุบันสำหรับซื้อที่อยู่อาศัยหลังแรกที่ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาทผ่อนคลายมากอยู่แล้ว โดยกำหนดการปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) อยู่ที่ 100% อย่างไรก็ดี อาจจะกระทบลูกค้ากลุ่มที่มีรายได้สูง หรือราคาบ้านสูงกว่า 10 ล้านบาทเล็กน้อย เนื่องจากต้องวางเงินดาวน์เพิ่มเติมบางส่วนประมาณ 10-20%


อย่างไรก็ดี หากการขยายระยะเวลาการผ่อนคลายมาตรการอาจเอื้อให้เกิดการสะสมความเสี่ยงในระบบการเงินในระยะต่อไปได้ เช่น การเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์โดยผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูง และส่งผลต่อระดับหนี้ครัวเรือนให้เพิ่มสูงขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้น มองไปข้างหน้าจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้การปรับทิศทางนโยบายการเงินจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจไทย (gradual and measured) ประกอบกับเป็นสัญญาณที่ดีต่อผู้ประกอบการที่จะมีความมั่นใจมากขึ้น






สำหรับตัวเลขการโอนอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 พบว่ามียอดการโอนขยายตัวสูงถึง 8.5% และจำนวนตัวเลขการเปิดโครงการใหม่เฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 หน่วยต่อเดือน เทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 ในปี 2562 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 9,200 หน่วยต่อเดือน


ในแง่มาตรการ LTV ถือเป็นมาตรการผ่อนคลายชั่วคราว มีการประกาศใช้ตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. ปี 2564 ถึง 31 ธ.ค. 65 ซึ่งเราดูสัญญาณและทบทวนแล้ว ว่าจะไม่ต่ออายุมาตรการชั่วคราว เมื่อครบกำหนดมาตรการก็จะกลับไปเหมือนเดิม ซึ่งมองว่าไม่ได้กระทบการซื้อบ้าน เนื่องจากสัดส่วนมากกว่า 86% เป็นการซื้อบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง และระดับบ้านเกิน 10 ล้านบาทอาจจะต้องเพิ่มเงินดาวน์บ้าง 10-20%




แชร์บทความนี้

บทความยอดนิยม


บทความใหม่ล่าสุด

เตรียมบ้านให้พร้อมและปลอดภัย ในช่วงวันหยุดยาว

ช่วงเทศกาลวันหยุดยาว หลายคนเลือกที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว หรืออาจกลับบ้านไปเยี่ยมบ้านพ่อแม่ที่ต่างจัง ... อ่านต่อ...

5 ทริคแต่งบ้านสวยด้วยสไตล์รีสอร์ท ให้บรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่

ส่วนมากแล้วคนเรา มักจะอยากได้บ้านที่มีความสวยงาม ร่มรื่น เงียบสงบ มีมุมสวย ๆ เอาไว้นั่งทอดน่องในช่วง ... อ่านต่อ...

6 กลยุทย์การตลาดอสังหาฯ เพื่อเพิ่มยอดขายและมีลูกค้า Walk-in

กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภททั้งบ้าน คอนโด ที่ดิน อาคารพาณิชย์ต่าง ๆ มีการแข่งขันกันสูงมากในย ... อ่านต่อ...

วิธีคลายร้อนให้บ้าน ช่วงหน้าร้อนนี้

อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อย่างก้าวเข้าสู่เดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่อากาศร้อนที่สุดในรอบปีของประเทศไท ... อ่านต่อ...

เช่าคอนโดครั้งแรก คำแนะนำ สำหรับผู้เช่ามือใหม่

การ เช่าคอนโด เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่นใหม่และผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายแต่ไม ... อ่านต่อ...