10 วิธีออกแบบบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นของคุณ

แชร์บทความนี้

การออกแบบเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้น หมายความถึง การสร้างพื้นที่ ที่ดีต่อทั้งสุขภาพทางกาย และสุขภาพทางจิตใจด้วย เพราะสภาพแวดล้อม ส่งผลต่อคนในบ้านอย่างมาก ตั้งแต่การปรับคุณภาพอากาศภายในบ้าน การเลือกใช้วัสดุ สี รูปทรง และการวางตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ เพื่อลดความตึงเครียด ช่วยทำให้เราผ่อนคลาย และเข้าใกล้ธรรมชาติมากขึ้น


บทความนี้ เรารวบรวมเอาคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบบ้านเพื่อสุขภาพ ถึงวิธีที่เราจะออกแบบบ้านให้สร้างสุขภาพที่ดีได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย 


1. กำจัดของที่อาจทำให้ลื่นล้ม 


เสื้อผ้าเก่า ไม่ควรเอามาเป็นผ้าเช็ดเท้า เชื่อว่าหลายบ้านในอดีต มักจะหยิบเอาเสื้อเก่าไม่ใช้แล้ว มาเป็นผ้าเช็ดเท้า เพราะเสียดาย อยากใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่! เสื้อผ้าไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการยึดเกาะ และอาจทำให้สะดุดหรือลื่นล้มได้ง่าย โดยเฉพาะกับผู้สูงวัยในบ้านที่ต้องระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น เราควรซื้อพรมเช็ดเท้ากันลื่น ที่มีคุณภาพเหมาะสมกับการใช้งานไปเลยดีกว่า


ข้าวของอื่นๆ บนพื้นที่อาจทำให้ลื่นล้มได้ ก็ควรหมั่นเก็บให้เป็นที่เป็นทาง หรือจำกัดพื้นที่ให้เหมาะสม อย่างเช่น จานอาหารของน้องหมา ต้องไม่ขวางทางเดินภายในบ้าน และของเล่นของลูกๆ ก็ควรมีพื้นที่เล่นที่เหมาะสม และเก็บของเล่นทุกครั้งเมื่อเล่นเสร็จ 


2. สร้างโซนเข้าออกบ้านที่เหมาะสม

ทางเข้าบ้านหรือ Entry Zone เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ในบ้านที่หลายคนอาจมองข้ามไป พื้นที่ถอดใส่รองเท้าก่อนเข้าหรือออกจากบ้าน เราควรจัดวางให้มีพื้นที่เพียงพอและเหมาะสม เพราะรองเท้าที่วางเกลื่อนหน้าประตู ก็อาจทำให้คนในบ้านสะดุดรองเท้า หกล้มได้เช่นกัน ดังนั้น เราควรออกแบบพื้นที่เก็บรองเท้าให้เพียงพอ เป็นระเบียบ หรือถ้าหน้าบ้านมีพื้นที่หน่อย ก็วางที่นั่งสำหรับใส่รองเท้าเพื่อความสะดวกสบาย และลดอันตรายจากการล้มได้ด้วย


นอกจาก พื้นที่เก็บรองเท้าแล้ว ก็อย่าลืมคำนึงถึงอุปกรณ์ที่ต้องอาจต้องการเมื่อออกไปข้างนอก เช่น ร่ม หมวก เสื้อคลุมกันฝน ถุงผ้า หรือ อุปกรณ์อื่นๆ ก็ควรวางไว้ใกล้ๆ ทางเข้าออก เพื่อให้สะดวกกับการหยิบใช้ ส่วนใหญ่แล้วเวลารีบๆ คนเรามักจะหาของอะไรลำบาก ดังนั้น การออกแบบบ้านเพื่อสุขภาพ ไม่ใช่แค่กับความปลอดภัยแก่ร่างกาย เรายังประหยัดเวลา และลดความเครียด ความหงุดหงิดที่จะเสียเวลาในการนั่งหาของต่างๆ ด้วย 


3 จัดเก็บและทิ้งหรือบริจาคของไม่ใช้แล้ว (Declutter)


หนึ่งในวิธีสร้างบ้านที่เป็นระเบียบ คือ การเอาของที่ไม่จำเป็นออกไปจากบ้าน เชื่อว่าหลายคน คงคุ้นชินกับประโยคที่ว่าเวลาจัดบ้านให้เราเลือกเก็บของที่ spark joy ตามวิถีการจัดบ้านแบบ Konmari (อ่านสรุปหนังสือ ชีวิตดีขึ้นทุกๆ ด้าน ด้วยการจัดบ้านครั้งเดียว ที่นี่) มาบ้างแล้ว 


ง่ายๆ ก็คือ เลือกเก็บของในบ้านที่จะทำให้คุณรู้สึกมีความสุข สิ่งของไหนที่เราไม่ได้ใช้แล้ว ยังสภาพดีอยู่ ก็สามารถส่งต่อหรือบริจาคให้กับมูลนิธิต่างๆ ได้ เพราะข้าวของที่มากเกินไป นอกจากจะทำให้พื้นที่บ้านเล็กกว่าที่เป็นแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน


คุณอาจเริ่มต้นโดยคำนึงถึงการใช้งานของสิ่งของต่างๆ ภายในห้องนั้นๆ ตัวอย่างเช่น ชั้นวางของแขวนผนังในภาพด้านบนนี้ ก็วางพื้นที่การใช้งานของหนังสือ รูปภาพ ของตกแต่ง ได้อย่างสวยงาม และลงตัว โดยไม่รู้สึกอึกอัดจนเกินไป 


4. ออกแบบห้องครัวที่ช่วยด้านสุขภาพ


"สภาพแวดล้อม" ส่งผลต่อการกระทำของคุณอย่างมาก! การออกแบบสภาพแวดล้อมเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมบางอย่างเป็นศาสตร์ที่หลายคนให้ความสำคัญและสนใจไม่น้อยเลย 


ห้องครัวที่ออกแบบอย่างดี สามารถช่วยให้คนในบ้านมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น การวางผลไม้ ในชามใหญ่ที่เห็นได้เด่นชัดและหยิบได้ง่าย เก็บขนมคบเคี้ยวไว้ชั้นวางสูงๆ (เพื่อให้ยากต่อการหยิบกิน) เสิร์ฟของหวานในจานเล็กและวางให้เต็ม (เพื่อให้เกิดความรู้สึกว่ามีเยอะ ช่วยให้กินน้อยลง) เป็นต้น  


นอกจากนี้ ห้องครัวที่สะอาด และไม่มีของวางเกะกะบนเคาท์เตอร์ พร้อมสำหรับพื้นที่ในการเตรียมทำอาหาร ทำกับข้าว ก็ยังทำให้ห้องครัวน่าใช้งาน ทำให้เราทำอาหารกินเองได้บ่อยขึ้น (ซึ่งมักจะสุขภาพดีกว่าอาหารที่ซื้อกินจากข้างนอก แถมประหยัดเงินด้วย!) 





5 มีพื้นที่เชื่อมต่อภายนอกบ้าน พื้นที่สีเขียว


การอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ เป็นความรู้สึกสงบที่ช่วยให้มนุษย์ลดความเครียด และส่งเสริมสุขภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้บ้านมีพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อระหว่างภายในบ้านและนอกบ้าน อย่างเช่น สวนหน้าบ้าน สวนหลังบ้าน หรือสวนข้างๆ บ้าน ก็ดี 




ประตูกระจกบานเลื่อน ช่วยให้พื้นที่ภายในบ้านเชื่อมต่อกับพื้นที่ภายนอกได้อย่างดี ในวันที่อากาศดีๆ ก็สามารถรับลมประหยัดไฟไปอีก (ดูการตกแต่งของบ้านในภาพด้านบน ทั้งหมด ที่ พาทัวร์การออกแบบ แต่งบ้านแฝด สุดเนี้ยบ สวยอย่างมีสไตล์)


6. ระบายอากาศให้ห้องน้ำ

การระบายอากาศในห้องน้ำ มีความสำคัญอย่างมากที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพที่ดีของคนในบ้าน นักออกแบบที่ออกแบบรีโนเวมห้องน้ำด้านล่างนี้ อธิบายว่า บ้านหลังนี้มีอายุ 24 ปี และพัดลมในห้องน้ำก็มีอายุเท่ากัน พัดลมดูดอากาศรุ่นเก่าๆ ไม่ได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพการคัดกรองฝุ่น ดูดความชื้นออกได้ดีเหมือนรุ่นใหม่ๆ ดังนั้นเชื้อราจึงมีโอกาสที่จะขึ้นในห้องน้ำได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น มันสำคัญมากๆ ที่จะต้องเปลี่ยนพักลมใหม่



โดยเฉพาะห้องน้ำที่ไม่มีหน้าต่าง หากว่าบ้านของคุณมีอายุนาน และยังไม่เคยเปลี่ยนพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำใหม่ พิจารณาติดตั้งพัดลมที่มีคุณภาพและมาตรฐานที่ดีมากขึ้น เพื่อการระบายอากาศในห้องน้ำที่ดี  


7. ห้องนอนเพื่อการผ่อนคลายและความสงบ 



การนอนหลับอย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพนั้นสำคัญมากๆ สำหรับสุขภาพของเรา ดังนั้น ห้องนอน ควรที่จะเป็นพื้นที่สำหรับการผ่อนคลายอย่างแท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ลดแสงที่ส่งผลกระทบกับการนอน ไม่ว่าจะ แสงไฟจากท้องถนน แสงจากรถยนต์ที่ขับผ่านไปมา โดยใช้ผ้าม่านแบบทึบแสง ที่กันแสงได้มากกว่า 90% เพื่อป้องกันไม่ให้แสงเข้ามารบกวนการนอนของคุณ 


ซึ่งก็รวมไปถึงแสงไฟเล็กๆ จากอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องนอน อย่างเช่น ไฟจากแอร์ ไฟจากเครื่องกรองอากาศ ไฟจากพัดลม เป็นต้น ซึ่งเราสามารถหาเทปดำมาผิดได้เพื่อสร้างการนอนหลับที่ดียิ่งขึ้นได้ 


สำหรับการสร้างห้องนอนที่ช่วยให้นอนหลับได้ดี ตามหลัก ฮวงจุ้ย คลิกอ่านต่อที่นี่ 


8. แทนที่ต้นไม้ปลอมด้วยตัวไม้จริง หรือไม่ต้องมีเลยยังดีกว่า 


แม้ว่าต้นไม้ปลอมจะช่วยทำให้บ้านของเราดูมีชีวิตชีวาขึ้น แต่อย่าลืมว่าต้นไม้ปลอม มักจะมีปัญหาในเรื่องของการกักเก็บฝุ่นและสารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ เว้นเสียแต่ว่าคุณจะทำความสะอาดมันเป็นประจำ ไม่อย่างนั้น ก็ยากที่จะทำให้อากาศภายในห้องนั้นๆ ดีได้เมื่อมีต้นไม้ปลอมฝุ่นเกาะอยู่เต็มไปหมด 


ถ้าเป็นไปได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยนเป็นต้นไม้จริงที่อาจไม่ต้องการดูแลมากมายแทน และช่วยพัฒนาคุณภาพอากาศได้อีกด้วย (อ่านต่อ ต้นไม้ดูแลง่ายสำหรับปลูกในบ้าน)



หรือถ้าคุณไม่ไหวจะเลี้ยงต้นไม้จริงด้วยตัวเอง หมั่นทำความสะอาดต้นไม้ปลอมบ่อยๆ ทุกๆ วัน เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นเกาะหรือ พิจารณาเอาต้นไม้ปลอมออกไปเลย ก็ช่วยพัฒนาคุณภาพอากาศได้มากขึ้น


9. ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และตัวคุณเอง 

การซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านในยุคปัจจุบัน นอกจากฟังก์ชั่นการใช้งานและความสวยงามแล้ว วัสดุก็ควรจะเป็นปัจจัยในการพิจารณาซื้อเช่นกัน เลือกวัสดุที่ไม่เป็นพิษ ไม่ปล่อยสารพิษ เช่น พรมที่ทำมาจากวัสดุออแกนิค สีทาภายในบ้านที่ช่วยลดเชื้อโรค เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ปล่อยสารฟาร์มาลดีไฮด์ หรือของเล่นลูกๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 


10. พื้นที่ทำงาน 

2 ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่คนส่วนใหญ่ต้องทำงานที่บ้าน (work from home) ซึ่งเมื่อเรานั่งทำงานไปนานๆ ก็มักจะปวดเมื่อย ส่งผลต่อสุขภาพของเราอย่างมาก นั่นอาจเป็นเพราะ เก้าอี้ในห้องครัวไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อใช้นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์นานๆ  


ดังนั้น การคำนึงถึง ergonomic หรือการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับสรีระของผู้ทำงาน มีความสำคัญอย่างมากเมื่อเราต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ที่บ้าน หากเป็นไปได้ ควรเลือกใช้เก้าอี้นั่งทำงานที่สามารถปรับประดับ รองรับสรีระของเรา และอย่าลืมที่จะพักสายตาทุกๆ ชั่วโมงด้วย 




แชร์บทความนี้


บทความยอดนิยม


บทความใหม่ล่าสุด

5 วิธีที่ห้องนอนของคุณทำลายการนอนหลับของคุณ

การนอนหลับอย่างเพียงพอและมีคุณภาพนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพที่ดี แต่บ่อยครั้งที่เรามักมองข้ามปัจ ... อ่านต่อ...

พาส่อง 4 โครงการใหญ่ ใกล้เปิดตัวในกรุงเทพฯ -ปริมณฑล

การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ หรือเมืองใหญ่ มักจะผูกพันกับศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ... อ่านต่อ...

คอนโดผู้สูงอายุ ดีไหม พร้อมแนะนำ 5 คอนโดผู้สูงอายุในไทย

ปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ทำให้ทิศทางของตลาดอสังหาฯ เริ่มพัฒนาที่อยู ... อ่านต่อ...

6 ฟีเจอร์ในบ้านยุคใหม่ ที่ผู้ซื้อมองหา

ความต้องการของผู้ซื้อบ้านในยุคปี 2024 นี้ ก็แตกต่างจากยุคสมัยก่อน ดังนั้น เราจึงตรงปรับฟังก์ชั่นการใ ... อ่านต่อ...

ซื้อที่ดินทำเกษตร ในวัยเกษียณ ต้องดูอะไรบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นการทำเกษตรเพื่อการดำรงชีพ การดำเนินธุรกิจขนาดเล็ก หรือเพียงแค่งานอดิเรก การซื้อที่ดินเพื ... อ่านต่อ...