ธอส.แจงมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯตามมติ ครม.ส่งผลให้คนที่มีรายได้ 1 หมื่นบาทต่อเดือน กู้ได้ 1 ล้านบาท รายได้ 2 หมื่นบาทกู้ได้ 2 ล้านบาท และรายได้ 3 หมื่นบาทกู้ได้ 3 ล้านบาท เริ่มกู้ได้ตั้งแต่ 19 ต.ค.เป็นต้นไป ขณะที่ธนาคารทหารไทย(TMB)ชี้ เป็นแค่มาตรการระบายสต๊อกบ้านเก่าเท่านั้น

หากมีรายได้สุทธิ 10,000 บาท จะกู้ได้สูงสุดถึง 1 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้เพียง 600,000 บาท

กรณีที่มีรายได้สุทธิ 20,000 บาท จะกู้ได้สูงสุดถึง 2 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้ไม่เกิน 1.2 ล้านบาท

และกรณีที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 30,000 บาท กู้ได้สูงสุดถึง 3 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท

นางอังคณากล่าวว่า ธนาคารได้มีการคิดดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ โดย

ปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ย เท่ากับ 3.50% ต่อปี

ปีที่ 2 อัตราดอกเบี้ย 4.25% ต่อปี

ปีที่ 3 จนถึงตลอดอายุสัญญา

• กรณีลูกค้าสวัสดิการ อัตราดอกเบี้ย MRR-1.00% ต่อปีและ

• กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR-0.75% ต่อปี (โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 6.75% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวถือว่าจูงใจ และถูกกว่าดอกเบี้ยปกติที่ธนาคารให้กับลูกค้าทั่วไปมาก)

สำหรับวัตถุประสงค์ของสินเชื่อครั้งนี้ เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคารหรือห้องชุด และเพื่อปลูกสร้างอาคารหรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารได้ทั้งบ้านมือ 1 และมือ 2 โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 30 ปี หากกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนชำระปีแรก 5,000 บาท ปีที่ 2 ผ่อน 5,700 บาท ปีที่ 3 ผ่อน 7,000 บาท เป็นต้น

นางอังคณากล่าวว่า แม้จะผ่อนปรนเงื่อนไขการกู้เงิน แต่ธนาคารไม่ได้กังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เนื่องจากล่าสุดเอ็นพีแอลอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา  อยู่ที่ 5.4% จากระดับ 5.99% เมื่อช่วงเดียวกันปีก่อน ล่าสุดจนถึงเดือน ก.ย.58 ธนาคารได้มีการปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 108,000 ล้านบาทใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ คาดว่าทั้งปีจะสามารถปล่อยสินเชื่อได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ 149,000 ล้านบาท

ด้านนายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนรายได้น้อย และการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ในระยะยาว รัฐต้องมีมาตรการ ออกมารองรับ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นทำให้เศรษฐกิจซึมลึกและใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว เห็นได้จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านสินเชื่อของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา เช่น โครงการรถคันแรกให้ผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นถึง 3 เท่า แต่หลังจากนั้น เศรษฐกิจหยุดชะงักลงถึง 50%

“การออกมาตรการอสังหาริมทรัพย์ เช่น ลดค่าโอน และค่าจดจำนอง จะช่วยระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยให้กับผู้ประกอบการมากกว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม เนื่องจากผู้ประกอบการมีสต๊อกรอขายอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเริ่มโครงการใหม่น่าจะชะลอออกไป เพื่อรอกำลังซื้อในอนาคต แต่ที่ต้องติดตามคือภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นจากการซื้ออสังหาริมทรัพย์ เพราะเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในอนาคตมาใช้อาจส่งผลให้ความต้องการลดลงใน 1-2 ปีข้างหน้า”.

ข้อมูลจาก: thairath.co.th