แม้ว่า "ออมสิน ชีวะพฤกษ์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะเคยสัมผัสและคุ้นกับงานของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" มาร่วมปี นับจากนั่งเป็นประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) แต่จนถึงวันนี้ ออมสินยังต้องเร่งเข็นงานโครงการต่าง ๆ จากองค์กรที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนสนธยาแห่งนี้จนเหนื่อย โดยเฉพาะงานใหญ่ที่รัฐบาลคาดหวังไว้มาก หลังได้รับความไว้วางใจให้กำกับดูแลการรถไฟฯอีกครั้ง
"ผมก็ตามงานกับการรถไฟฯทุกเรื่องที่เป็นเรื่องด่วน ทั้งการประมูลรถไฟทางคู่อีก 4 เส้นทางที่เหลือ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต งานสัญญาที่ 3 จัดซื้อระบบและขบวนรถที่ยังช้า ได้เร่งให้รีบเสนอมายังกระทรวงเพื่อจะได้เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา เพราะต้องขอขยายกรอบวงเงินที่เพิ่มขึ้นจาก 2.9 หมื่นล้านบาท เป็นกว่า 3 หมื่นล้านบาท เพราะกลัวว่าดีเลย์แล้วจะไม่มีรถวิ่งเหมือนสายสีแดงช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน"
ส่วนงานโครงการอื่นๆ "ออมสิน" แจงว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง Missing Link ช่วงบางซื่อ-หัวหมาก และบางซื่อ-หัวลำโพง วงเงิน 44,157 ล้านบาท ขณะนี้การรถไฟฯยังไม่ได้เสนอโครงการมายังกระทรวงเพื่อเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ
"โครงการนี้ท่านนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ก็เร่งรัด เพราะหากสร้างเสร็จจะช่วยแก้เรื่องจุดตัดและปัญหารถติดในเมืองได้"
ขณะที่การจัดซื้อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ 7 ขบวน ยังไม่ได้รับการรายงานอย่างเป็นทางการจากผู้ว่าการการรถไฟฯที่จะยกเลิกการจัดซื้อโครงการไป โดยส่วนตัวมองว่าการยกเลิกมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งข้อเสียคือเมื่อยกเลิกแล้วก็ต้องดำเนินการใหม่เสียเวลาไปจากเดิม คาดว่าปลายปี 2561-2562 จะได้รถใหม่มาวิ่งบริการ แต่ต้องเริ่มใหม่ใช้เวลาอีกอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี แต่ถ้าดำเนินการต่อก็ต้องตอบได้ทุกข้อที่ทุกคนสงสัย
"ถ้าสังคมไม่เคลียร์ ปัญหาก็ตามมา ถ้ายกเลิกก็มีโอกาสโดนฟ้องจากบริษัทที่เสนอราคามา ปัจจุบันรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นทุกปี ในปีนี้คาดการณ์มีคนใช้ 7 หมื่นคน ขณะที่รถมาวิ่งบริการมีจอดเสียและต้องซ่อมอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ไม่เพียงพอ"
ส่วนโปรเจ็กต์ความร่วมมือรถไฟกับรัฐบาลจีนและญี่ปุ่น "ออมสิน" กล่าวว่า ความคืบหน้ารถไฟไทย-จีนล่าสุดจีนส่งรายงานผลการศึกษามาแล้ว ในเดือน ก.พ.นี้จะได้ข้อสรุปมูลค่าการลงทุนทั้งโครงการจะใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ซึ่งผมได้แนะนำเรื่องของผู้ใช้บริการ อยากให้วิเคราะห์ให้ดีเพราะเส้นทางรถไฟเดิมจากกรุงเทพฯ-หนองคายก็ยังมีการเดินรถ รถไฟฟรีก็มี ผู้มีรายได้น้อยก็คงไม่ขึ้นรถไฟความเร็วปานกลาง ยิ่งค่าโดยสารแพงกว่ารถไฟปัจจุบัน และแพงกว่าสายการบินโลว์คอสต์ สถานการณ์จะคล้ายกับรถ บขส.ที่โวยวายอยู่ทุกวัน คิดว่าผู้โดยสารที่มีอยู่ไม่เพิ่มมากกว่านี้
เช่นเดียวกับรถไฟไทย-ญี่ปุ่นเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ให้พิจารณาเรื่องผู้โดยสารด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถไฟส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเป็นกลุ่มผู้โดยสารเดิมอยู่แล้ว จะไม่มีกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม ถึงเพิ่มก็ไม่มาก แต่เพราะโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศ ยังไงคงต้องทำ คาดว่าเริ่มต้นก่อสร้างรถไฟไทย-จีนเดือน พ.ค. 2559 นี้จากกรุงเทพฯ-แก่งคอย-นครราชสีมา ส่วนรถไฟไทย-ญี่ปุ่นจะเริ่มทดลองเดินรถขนส่งสินค้าวันที่ 27 ม.ค.นี้ เส้นทางจากกาญจนบุรี-แหลมฉบัง
ขณะเดียวกัน อีกภารกิจที่ "ออมสิน" กำลังเร่งรัดการรถไฟฯ คือ การเปิดประมูลพัฒนาที่ดิน 3 แปลงใหญ่ใจกลางเมือง ได้แก่ สถานีแม่น้ำ สถานีกลางบางซื่อ และย่าน กม.11
"ขณะนี้รถไฟกำลังจ้างที่ปรึกษา ศึกษาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนปี′56 จะส่งรายงานประมาณเดือน ก.พ.นี้ จากนั้นจะเสนอโครงการเข้าคณะกรรมการ PPP เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของ PPP Fast Track จะใช้เวลา 9 เดือน คาดว่าสิ้นปีจะประมูลให้สัมปทานเอกชนพัฒนา 30 ปี ต่อได้อีก 30 ปี เริ่มจากแปลงสถานีกลางบางซื่อก่อน เพื่อรับรถไฟสายสีแดง จากนั้นเป็นสถานีแม่น้ำ ส่วนย่าน กม.11 จะเป็นแปลงสุดท้ายเพราะรอย้ายคนออกจากพื้นที่"
"ออมสิน" ย้ำว่า หากที่ดิน 3 แปลงนี้ประมูลสำเร็จ จะสามารถปลดภาระหนี้การรถไฟฯได้ จากค่าธรรมเนียมที่ผู้ประมูลได้จะต้องจ่ายล่วงหน้าให้ ซึ่งการปลดหนี้การรถไฟฯมีอยู่ประมาณ 1.1 แสนล้านบาท ได้จากกระทรวงการคลังกว่า 6 หมื่นล้านบาทจากที่ดินมักกะสัน อีกทั้งยังมีการรับโอนหนี้จากแอร์พอรต์ลิงก์อีกกว่า 3 หมื่นล้านบาท จะเหลือหนี้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท หากประมูลที่ดิน 3 แปลงนี้ได้ เท่ากับปลดหนี้การรถไฟฯได้หมด
ข้อมูลจาก:prachachat.net