ธนาคารแห่งประเทศไทย-แบงก์ชาติ ประชุมร่วมกับผู้เกี่ยวข้องจากภาคเอกชนวงการอสังหาริมทรัพย์ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 เพื่อหาทางออกมาตรการเก็บเงินดาวน์ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 สัดส่วน 20% โดยแบงก์ชาติตั้งเป้าบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562
สาระสำคัญ การซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมหลังที่ 2 เป็นต้นไป บังคับเก็บเงินดาวน์ 20% ทุกกลุ่ม จากเดิมซื้อบ้านดาวน์ 5% คอนโดฯดาวน์ 10% และที่อยู่อาศัยเกิน 10 ล้านบาท ดาวน์ 20%
“คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย” สำรวจโครงการที่อยู่อาศัยที่คาดว่าจะสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โฟกัสโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล
เริ่มกันที่ตลาดคอนโดฯมีทั้งหมด 142,556 ยูนิต มูลค่า 242,520 ล้านบาท หรือ 27.3% จากมูลค่าโครงการทั้งหมดอยู่ที่ 888,844 ล้านบาท ขายไปแล้ว 102,793 ยูนิต คิดเป็น 72% มีหน่วยเหลือขาย 39,763 ยูนิต หรือ 28%
ส่วนใหญ่ราคา 3-5 ล้านบาท มี 31,695 ยูนิต หรือคิดเป็น 22.2% รองลงมา 2.5-3 ล้านบาท 17,480 ยูนิต 12.3% และราคา 5-7.5 ล้านบาท มี 14,361 ยูนิต หรือ 10.1%
ส่วนบ้านจัดสรรมีทั้งหมด 56,309 ยูนิต มูลค่า 371,380 ล้านบาท คิดเป็น 42.9% ของมูลค่าบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างขายในภาพรวม 864,588 ล้านบาท ขายไปแล้ว 24,836 ยูนิต หรือ 44% เหลือขาย 31,473 ยูนิต หรือ 56%
จำแนกตามระดับราคาส่วนใหญ่ 3-5 ล้านบาท มากที่สุด 19,222 ยูนิต หรือ 34.1% รองลงมา 2.5-3 ล้านบาท 8,385 ยูนิต หรือ 14.9% และ 5-7.5 ล้านบาท 6,888 ยูนิต หรือ 12.2%
ประเมินบนหลักการแบบไม่ต้องคิดซับซ้อนจะเห็นว่า ที่อยู่อาศัยราคาต่ำ 10 ล้านบาท ซึ่งแต่เดิมมีเงินดาวน์ 5-10% ถูกยกระดับให้จ่ายเงินดาวน์เทียบเท่าของแพง หรือสินค้าที่มีราคาเกิน 10 ล้านบาท โดยให้จ่ายดาวน์ 20% สำหรับการซื้อหลังที่ 2 เป็นต้นไป
นั่นหมายความว่า คอนโดฯ ต่ำสิบล้านโฟกัสราคา 3-7.5 ล้านบาท มีจำนวนรวม 63,536 ยูนิต สัดส่วน 45.7% และบ้านจัดสรรต่ำสิบล้าน โฟกัสราคา 3-7.5 ล้านบาท มีจำนวนรวม 34,495 ยูนิต สัดส่วน 61.2%
สินค้าคอนโดฯที่ถูกหยิบมาอธิบายว่า มีกลุ่มผู้ซื้อเก็งกำไรสูงขึ้น ราคาตลาดกลาง-ล่างกระทบไม่ถึงครึ่ง แต่สินค้าแนวราบอย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ลูกค้าเรียลดีมานด์ซื้อ 99.99% ราคาตลาดกลาง-ล่างโดนเต็ม ๆ อย่างน้อย 2 ใน 3 ของตลาดรวม