เงินดาวน์ คือ จำนวนเงินที่คุณจ่ายล่วงหน้าเพื่อซื้อบ้านหรือคอนโด ซึ่งจำนวนเงินดาวน์นี้ก็จะหักกับราคาบ้านด้วย สำหรับคนที่กำลังคิดซื้อบ้าน นั่นหมายความว่า คุณต้องคำนวณว่าคุณมีเงินก้อนเพื่อลงวางเงินดาวน์ก่อนซื้อบ้านหรือไม่ และถ้ากำลังตัดสินใจวางเงินดาวน์ แต่ไม่รู้ว่าจะวางเท่าไรดี มาดูบทความนี้ก่อน
ถ้าเป็นโครงการใหม่ ส่วนใหญ่ ผู้ซื้อก็จะผ่อนดาวน์กับโครงการก่อนสร้างเสร็จ ปกติการวางเงินดาวน์ซื้อบ้านจะอยู่ที่ 5% ของราคาทรัพย์ และเงินดาวน์ซื้อคอนโดอยู่ที่ 10% ของราคาทรัพย์
ปัจจุบัน มาตรการ LTV ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกใช้ ก็กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำใหม่ สำหรับผู้ที่ซื้อบ้านราคามากกว่า 10 ล้าน และผู้กู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 ซึ่งต้องวางเงินดาวน์ 20% ของราคาบ้าน ด้วยเหตุผลของ ธปท. ว่า
“ให้คนไทยซื้อบ้านในราคาที่เหมาะสมกับความสามารถ”
คนที่ซื้อบ้านครั้งแรก ราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท ก็ยังสามารถวางเงินดาวน์อยู่ที่ 5-10% ได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งก็น่าเย้ายวนใจทีเดียว เพราะจ่ายเงินจำนวนไม่มาก แล้วสามารถเข้าอยู่ในบ้านได้เร็วขึ้น ไม่ต้องรอเก็บเงินนาน แถมยัง ขอกู้ได้เยอะขึ้นด้วย ทำไมจะไม่ทำ
แต่ แต่ แต่ เหรียญย่อมมี 2 ด้าน เมื่อคุณวางเงินดาวน์น้อย แปลว่า เมื่อคุณขอกู้เงินซื้อบ้านกับธนาคาร คุณต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นนั่นเอง
สมมติ สามีและภรรยาคู่หนึ่งขอกู้ร่วม โดยสามารถผ่อนชำระร่วมกันที่ 18,000 บาท/เดือน
ต้องการซื้อบ้านหรือคอนโด ราคา 3,000,000 บาท
กำหนด MRR 7%
สินเชื่อบ้าน ปีที่ 1-3 MRR-4% และปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-1%
ผ่อนระยะเวลา 30 ปี
ลองมาดูตัวอย่างกันว่า ทำไมคุณควรวางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% ไม่ว่าจะซื้อบ้านหรือคอนโด
หมายเหตุ: คิดดอกเบี้ย effective rate (ลดต้นลดดอก)
ข้อดีของการวางเงินดาวน์ 20%
จากการเปรียบเทียบจะเห็นได้ว่าการวางเงินดาวน์มากขึ้น นอกจากจ่ายดอกเบี้ยน้อยลงแล้ว เทียบกับดอกเบี้ยเกือบ 2 ล้านบาท เมื่อวางเงินดาวน์เพียง 5% ถ้าคุณวางเงินดาวน์ 20% คุณจ่ายให้ธนาคารเพียง ล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง นอกจากนั้น ยังผ่อนหมดได้เร็วกว่าการวางเงินดาวน์น้อยๆ ทำให้เป็นเจ้าของบ้านเต็มตัวได้เร็วกว่า ถึง 6 ปี (เทียบการวางเงินดาวน์ 5% กับ 20%) และยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น ช่วยขอสินเชื่อบ้านได้ง่ายขึ้น เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าใครที่กำลังคิดซื้อบ้าน ลองพิจารณาจำนวนการวางเงินดาวน์ที่ 20% ของราคาทรัพย์ เพื่อช่วยคุณประหยัดได้ในระยะยาวดูนะ