แสนสิริประเมินไตรมาสสุดท้ายปีนี้ กำลังซื้อฟื้นตัวชัด จ่อเปิด 4 โครงการแนวราบดันยอดขาย 1.4 หมื่นล้าน
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ เปิดเผยว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 4 มีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการพยายามเร่งเปิดโครงการใหม่เพื่อเร่งยอดขายให้เข้าเป้า
"ในช่วงที่ผ่านมาตลาดบ้านระดับราคา 10-20 ล้านบาท จะขายดี ความต้องการเพิ่มขึ้น 65% จำนวนอยู่ที่ 1,053 ยูนิต และที่ขายดีรองลงมาเป็นบ้านระดับราคา 7-10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จำนวนอยู่ที่ 1,468 ยูนิต เพราะไม่ได้รับผล กระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เมื่อเทียบกับบ้านระดับราคา 3-5 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามแนวโน้มของบ้านเดี่ยวระดับบนยังมีทิศทางที่ดี จากการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐ และราคาน้ำมันที่ทรงตัวส่งผลให้ค่าก่อสร้างลดลงเล็กน้อย ทำให้ราคาบ้านไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น" นายเมธา กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่จำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และโฮมออฟฟิศ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3,850 ล้านบาท ในเดือน ต.ค. พร้อมกัน จากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาได้เปิดไปแล้ว 6 โครงการ โดยล่าสุดได้เปิดโครงการบ้านเดี่ยว เศรษฐสิริ ปิ่นเกล้า-กาญจนาฯ จำนวน 74 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 15-20 ล้านบาท มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนทั้งปีที่ตั้งเป้าเปิด 10 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะขายหมดภายใน 1 ปี และขณะนี้ได้เปิดขาย 12 ยูนิตแรกแล้ว ทำยอดขายได้แล้ว 6 ยูนิต
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมองหาที่ดินย่านโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ เพิ่มเพื่อรองรับความต้องการที่มีอยู่สูง แต่ต้องยอมรับว่าหาซื้อยาก เนื่องจากไม่ค่อยมีที่ดินแปลงใหญ่ และราคาที่ดินขยับขึ้นสูงจากช่วง 2 ปีที่แล้วถึง 40-50% โดยปัจจุบันมีงบที่เตรียมไว้สำหรับซื้อที่ดินแนวราบทั้งปีไว้จำนวน 6,000 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 3,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายแนวราบในช่วง 8 เดือน อยู่ที่ 8,000 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีนี้นี้จะได้ตามเป้าหมาย 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นยอดขายจากบ้านเดี่ยวประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และทาวน์เฮาส์ 2,000 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์