กำลังเดินสายเร่งการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สำหรับ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" มือคุมเศรษฐกิจรัฐบาล คสช. ล่าสุดบุกถึง "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" เร่งเบิกจ่ายงบฯลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2559 หลังมีหลายโครงการตกค้างในบัญชี ทำให้มียอดเบิกจ่ายยังต่ำจากเป้า 50%
"รองนายกฯสมคิด" กล่าวว่า งานเฉพาะหน้าของรถไฟตอนนี้ เร่งแผนลงทุนรถไฟทางคู่ 7 เส้นทาง ระยะทาง 995 กม. เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง 2 สาย คือ จิระ-ขอนแก่น และฉะเชิงเทรา-คลอง 19-แก่งคอย ส่วนประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร, มาบกะเบา-จิระ, ลพบุรี-ปากน้ำโพ, นครปฐม-หัวหิน และหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ให้เปิดประมูลภายในปีนี้
ขณะเดียวกันได้เร่งโครงการรถไฟทางคู่สายใหม่เงินลงทุนกว่า 1 แสนล้านบาท จากเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 326 กม. และบ้านไผ่-มุกดาหาร ระยะทาง 347 กม. ให้พยายามเสนอ ครม.ในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเป็นโครงข่ายจะเชื่อมต่อการค้าชายแดนและเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ระยะทางรวม 1,493 กม. จะเป็นการลงทุนในปี 2560 ต่อเนื่องจากเฟสแรก
"รถไฟไม่ใช่แค่ไฮสปีดเทรน ยังมีรถไฟทางคู่ที่ขนส่งสินค้าเพื่อลดต้นทุนด้านระบบโลจิสติกส์ของประเทศ เป็นงานหลักของรถไฟ อยากขอให้โฟกัสเรื่องนี้ และผลักดันให้เกิดความคืบหน้า ตอนนี้บางโครงการเริ่มก่อสร้าง บางโครงการผ่าน ครม.แล้ว บางโครงการอยู่ระหว่างเข้า ครม." นายสมคิดกล่าวและว่า
ส่วนการบริหารโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน เมื่อ ร.ฟ.ท.ต้องการจะบริหารโครงการเอง จะต้องเสนอแผนงานโครงการให้พิจารณาโดยเร็ว หากพิจารณาแล้วไม่สามารถดำเนินการได้จะต้องให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน PPP รวมถึงส่วนต่อขยายที่จะลงทุนเพิ่มทั้งตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 12 กม., รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระยะทาง 8.65 กม., และบางซื่อ-หัวหมาก-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม.
"รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 193.5 กม. วงเงิน 152,528 ล้านบาท และกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงิน 94,673 ล้านบาท ให้เร่งเสนอ ครม.อนุมัติภายในปีนี้ เพื่อคัดเลือกเอกชนพัฒนาโครงการ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะก่อสร้างงานโยธาจะมีการพัฒนาเมืองและพื้นที่สถานีควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะเส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง จะมาช่วยเสริมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่รัฐบาลกำลังเร่งรัดการพัฒนาโครงการ และยังให้รถไฟศึกษาสร้างรถไฟความเร็วสูงต่อจากหัวหินไปปาดังเบซาร์เชื่อมกับรถไฟมาเลเซียด้วย"
นอกเหนือจากแผนงานประจำ"สมคิด"ยังสั่งให้ร.ฟ.ท.จัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนารถไฟ 10 ปี ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ให้เห็นภาพการพัฒนาและการลงทุนในอีก 10 ปีหน้า เช่น เรื่องเส้นทางรถไฟ ฐานะการเงิน มูลค่าสินทรัพย์ เพื่อให้รถไฟเป็นรถไฟยุค 4.0
พร้อมกับให้จัดตั้งหน่วยธุรกิจ (BU) บริหารจัดการด้านพัฒนาที่ดินควบคู่ไปด้วย เพื่อพิจารณาอัตราค่าเช่าร่วมกับเอกชน รวมถึงยังให้ ร.ฟ.ท.จัดหาพื้นที่จาก 2 ข้างทางรถไฟ สร้างที่พักอาศัยรองรับผู้ที่มีรายได้น้อย ในรูปแบบ Corporate Social Responsibility (CSR) ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และกรมธนารักษ์
เป็นการเพิ่มมูลค่าจากทรัพย์สินที่มีอยู่ 6 แสนล้านบาท ให้มีรายได้ไต่ระดับไปสู่การพลิกฟื้นองค์กรจากสถานะมีหนี้สินล้นพ้นตัว ก้าวสู่รถไฟยุคใหม่
ข้อมูลจาก:prachachat.net